เรื่องย่อ
จากพระประสงค์อันลึกล้ำของพระเจ้าที่ทรงเลือกสรรเราไว้ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก เพื่อรับพระพรฝ่ายจิตวิญญาณทุกประการในพระคริสต์ เอเฟซัส 1-6 ได้เปิดเผยแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ไม่เพียงนำเราผู้ตายแล้วในความผิดบาปกลับมีชีวิตใหม่ด้วยพระคุณเท่านั้น แต่ยังผนวกรวมชาวยิวและคนต่างชาติให้เป็นกายเดียวกันในพระคริสต์ อัครทูตเปาโลได้วาดภาพคริสตจักรในฐานะพระกายอันศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยของประทานหลากหลาย ซึ่งทำงานร่วมกันภายใต้พระวิญญาณองค์เดียวกัน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ และเพื่อสะท้อนความจริงนี้ในทุกมิติของชีวิต ท่านจึงเรียกร้องให้ผู้เชื่อละทิ้งวิถีชีวิตเก่า สวมวิถีชีวิตใหม่ที่เปี่ยมด้วยความรัก ความสว่าง และสติปัญญา ตั้งแต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวไปจนถึงการทำงาน และท้ายที่สุด ท่านได้เตรียมคริสตจักรให้พร้อมเผชิญหน้ากับการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ ด้วยการสวมยุทธภัณฑ์เต็มชุดของพระเจ้า เพื่อยืนหยัดต่อสู้กับอุบายของมารร้าย เพื่อที่พระสิริของพระเจ้าจะสำแดงออกอย่างบริบูรณ์ผ่านการดำเนินชีวิตของผู้เชื่อทุกคน
จดหมายของเปาโลฉบับนี้ ซึ่งอาจเป็นจดหมายเวียนถึงคริสตจักรหลายแห่ง มุ่งเน้นการให้กำลังใจและนำเสนอวิสัยทัศน์ในภาพรวม แทนที่จะกล่าวถึงปัญหาเฉพาะเจาะจง เปาโลเน้นย้ำถึงแผนการอันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้าที่ทรงเลือกผู้เชื่อก่อนการสร้างโลกและมีพระประสงค์ที่จะคืนดีทุกสิ่ง พระองค์ประทานมรดกร่วมกับพระคริสต์แก่บุตรของพระองค์ และพระวิญญาณได้ทรงประทับตรารับรองข้อตกลงนี้ แม้ว่ามนุษย์จะตายแล้วในการบาป เป็นทาสของตัณหาและเป็นลูกแห่งพระพิโรธ แต่พระเจ้าได้ทรงเข้ามาแทรกแซง ทรงให้เรามีชีวิตในพระคริสต์ ทรงยกเราขึ้นจากความตาย และจะทรงพระกรุณาต่อเราตลอดไป
พระคุณ ความรอด และความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้ (เอเฟซัส 2:8-9) และเราได้รับการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าให้ดำเนินชีวิตแห่งการดีที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ เปาโลย้ำเตือนคนต่างชาติถึงสภาพที่อยู่ห่างไกลจากพระเจ้าและพันธสัญญาของพระองค์ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่ทรงนำพวกเขาเข้ามาใกล้ พระเจ้าได้ทรงกระทำการคืนดีสองประการพร้อมกันคือ ทรงคืนดีมนุษย์กับพระองค์เอง และคืนดีมนุษย์ซึ่งกันและกัน โดยทรงกำจัดความเป็นศัตรู การรวมคนต่างชาติเข้ามานี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับทั้งชาวยิวและคนต่างชาติ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความลึกลับในการทรงเลือกของพระเจ้า
เปาโลกระตุ้นให้ผู้เชื่อถ่อมใจและใช้ของประทานเพื่อรับใช้คริสตจักร ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เขาเรียกร้องให้ดำเนินชีวิตที่แตกต่าง โดยให้ความสำคัญกับคำพูดที่แสดงความเมตตา เห็นอกเห็นใจ การให้อภัย และการขอบพระคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขอบพระคุณช่วยให้เรามองพระเจ้าอย่างถูกต้อง นำไปสู่ความรักที่เพิ่มขึ้นและปลดปล่อยเราจากอำนาจของบาป เขายังอธิบายถึงบทบาทอันสูงส่งในชีวิตสมรส โดยที่ภรรยาไว้วางใจสามี และสามีต้องรักภรรยาอย่างเสียสละเหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร รวมถึงคำแนะนำแก่เด็กและทาสให้ไว้วางใจผู้มีอำนาจ และเตือนพ่อแม่กับนายให้เป็นผู้ที่น่าเชื่อถือเช่นกัน
ข้อคิด: เอเฟซัส 1-6
เราต้องเผชิญกับศัตรูที่มองไม่เห็น แม้พระเจ้าจะประทานยุทธภัณฑ์ให้เรา แต่ด้านหลังของเรายังคงเปิดโล่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถต่อสู้ตามลำพังได้ เช่นเดียวกับพลธนูในอดีตที่ยืนหันหลังชนกัน เราจำเป็นต้องพึ่งพากันและกันเพื่อปกป้องจุดอ่อนและมองเห็นจุดบอดของกันและกัน ในบรรดาเครื่องป้องกันทั้งหมด "พระวจนะของพระเจ้า" เป็นอาวุธเพียงอย่างเดียวที่มีฤทธิ์เดชเหมาะสมที่จะต่อสู้กับซาตาน "ผู้กล่าวโทษ" ซึ่งโจมตีด้วยคำโกหก เราใช้ความจริงจากพระวจนะของพระองค์เป็นอาวุธ การอยู่ในพระวจนะของพระเจ้าทุกวันจะช่วยเสริมกำลังเราให้ต่อสู้กับคำโกหกของเนื้อหนังและความคิดของศัตรูได้ และในทุกการต่อสู้ พระเจ้าไม่เพียงแต่ประทานเพื่อนร่วมทางเท่านั้น แต่ยังประทานพระองค์เองให้แก่เราด้วย เพื่อที่เราจะได้จดจำว่าความชื่นชมยินดีที่แท้จริงนั้นอยู่ที่พระองค์เสมอ ไม่ว่าจะระหว่างหรือหลังการต่อสู้ก็ตาม
คำถาม
1. ในเอเฟซัสบทที่ 2 เปาโลเน้นย้ำว่าเรารอดโดย "พระคุณผ่านทางความเชื่อ" และไม่ใช่โดยการกระทำของตนเอง แต่กลับกล่าวต่อทันทีว่า เราเป็น "ฝีพระหัตถ์" ของพระเจ้าที่ทรงสร้างขึ้น "เพื่อให้ทำการดี" ที่ทรงจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า การเชื่อมโยงนี้ท้าทายให้เราเปลี่ยนมุมมองต่อวัตถุประสงค์ของ "ความรอด" จากการเป็นเพียงตั๋วเข้าสวรรค์ ไปสู่สิ่งใดในชีวิตปัจจุบัน? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการที่พระเจ้าช่วยกู้เราโดยไม่คิดมูลค่า ไม่ใช่เพื่อให้เราหยุดนิ่งหรือใช้ชีวิตตามใจชอบ แต่เพื่อให้เรากลับมาทำหน้าที่ตามการออกแบบดั้งเดิม คือการเป็นตัวแทนที่สะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าผ่านการดำเนินชีวิตและการทำดีในโลกนี้)
2. เมื่อเปาโลสรุปจดหมายในบทที่ 6 ว่าสงครามที่แท้จริงของเรา "ไม่ได้ต่อสู้กับเลือดและเนื้อ" (มนุษย์) แต่ต่อสู้กับ "วิญญาณชั่วและอำนาจมืด" ความจริงข้อนี้ควรเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการรับมือกับความขัดแย้งกับผู้คน—ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยา เจ้านายลูกน้อง หรือคนรอบข้าง (ที่กล่าวถึงในบทที่ 5-6)—จากการพยายามเอาชนะคนตรงหน้า ไปสู่เป้าหมายใด? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของการสวมยุทธภัณฑ์ครบชุดของพระเจ้า ไม่ได้มีไว้เพื่อโจมตีเพื่อนมนุษย์ แต่มีไว้เพื่อ "ยืนหยัด" ต้านทานกลอุบายของมารที่พยายามสร้างความแตกแยก การรู้เขารู้เรานี้จะช่วยให้เรารักษา "เอกภาพ" และความสัมพันธ์ไว้ได้ แทนที่จะทำลายกันและกันซึ่งเข้าทางศัตรูที่แท้จริง)
เอเฟซัส บทที่ 6 ครอบคลุมสองประเด็นหลักที่สำคัญมากสำหรับชีวิตคริสเตียน คือ ความสัมพันธ์ในครัวเรือน และ การต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ (ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า)
1. ความสัมพันธ์ในครอบครัว (เอเฟซัส 6:1-9)
ข้อคิดหลักในส่วนนี้เน้นที่การปฏิบัติตนในความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน:
- บุตรธิดา:
- การเชื่อฟังและให้เกียรติ: สอนให้บุตรธิดาเชื่อฟังและให้เกียรติบิดามารดาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นสิ่งถูกต้องและเป็นพระบัญญัติที่มีพระสัญญาแนบมาด้วย (การเชื่อฟังนำมาซึ่งพรและความยืนยาวของชีวิต)
- บิดามารดา:
- การเลี้ยงดูด้วยความรักและการสอน: ไม่ควรยั่วยุบุตรให้เป็นที่ขุ่นเคือง แต่ให้เลี้ยงดูอบรมพวกเขาในพระคริสต์ (การอบรมสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า)
- ทาส/คนงาน และ นาย/ผู้ว่าจ้าง:
- ความรับผิดชอบและการทำงานอย่างซื่อสัตย์: ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ก็ควรทำงานด้วยความสุจริตใจ เหมือนทำถวายแด่พระคริสต์ ไม่ใช่ทำต่อหน้ามนุษย์เท่านั้น
- การปฏิบัติต่อกันด้วยความเท่าเทียม: ทั้งนายและทาส (ผู้ว่าจ้างและคนงาน) ต่างก็มีเจ้านายองค์เดียวกันในสวรรค์ และพระเจ้าไม่ทรงลำเอียง (เน้นย้ำถึงความเสมอภาคภายใต้การปกครองของพระเจ้า)
2. การต่อสู้ฝ่ายวิญญาณและยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า (เอเฟซัส 6:10-20)
ส่วนนี้เป็นข้อคิดที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งในพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งสอนให้คริสเตียนตระหนักถึงการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ:
- การพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า: เราต้องเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในอานุภาพอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ (เราไม่ได้ต่อสู้ด้วยกำลังของตัวเอง)
- ศัตรูที่แท้จริง: การต่อสู้ของเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด (มนุษย์ด้วยกัน) แต่ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ (อำนาจมืดของซาตาน)
- ความจำเป็นของยุทธภัณฑ์: เราต้องสวม "ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า" เพื่อจะสามารถยืนหยัดต่อต้านการหลอกลวงของมารได้
รายละเอียดของยุทธภัณฑ์ (อาวุธฝ่ายวิญญาณ):
1. คาดเอวด้วยความจริง: เป็นรากฐานสำคัญ
2. ใส่เสื้อเกราะแห่งความชอบธรรม: ปกป้องจิตใจและการกระทำ
3. สวมรองเท้าด้วยความพร้อมเพรียงแห่งข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข: เตรียมพร้อมที่จะประกาศและดำเนินชีวิตอย่างสันติ
4. ถือโล่แห่งความเชื่อ: ใช้ดับลูกธนูเพลิงของมาร (การโจมตี ความสงสัย การล่อลวง)
5. สวมหมวกแห่งความรอด: ปกป้องความคิดและจิตวิญญาณ
6. ถือพระแสงแห่งพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า: เป็นอาวุธสำหรับการโจมตีและป้องกัน
- การอธิษฐาน: หลังจากการสวมยุทธภัณฑ์ ก็เน้นให้ อธิษฐานอยู่เสมอ ด้วยพระวิญญาณ เพื่อวิงวอนขอเผื่อธรรมิกชนทั้งหมด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งขอเผื่อผู้รับใช้ของพระเจ้าในการประกาศพระกิตติคุณอย่างกล้าหาญ
เอเฟซัส บทที่ 6 สอนว่า ชีวิตคริสเตียนคือการต่อสู้ที่ต้องเตรียมพร้อมทั้งในด้านความสัมพันธ์ประจำวัน (ชีวิตครอบครัวและสังคม) และในการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ โดยเน้นว่าเราต้องพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและใช้เครื่องมือที่พระองค์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อรับชัยชนะในทุกด้านของชีวิต