เรื่องย่อ
พระธรรมกันดารวิถีบทที่ 11-13 บรรยายถึงการทดสอบความอดทนและความเชื่อของชาวอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร บทที่ 11 กล่าวถึงการบ่นเรื่องอาหารของชาวอิสราเอล และการลงโทษของพระเจ้า บทที่ 12 กล่าวถึงการต่อต้านโมเสสของมิเรียมและอาโรน และการลงโทษของพระเจ้า บทที่ 13 บอกเล่าเรื่องราวของการส่งคนออกไปสำรวจแผ่นดินคานาอัน และรายงานที่แตกต่างกันของพวกเขา ซึ่งนำไปสู่ความไม่เชื่อและการต่อต้านของประชาชน บทเหล่านี้เน้นย้ำถึงความไม่เชื่อฟัง การบ่น และการขาดความไว้วางใจในพระเจ้าของชาวอิสราเอล และเป็นการแสดงให้เห็นถึงผลที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟัง และความสำคัญของความเชื่อและความเชื่อฟังต่อพระเจ้า
วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการบ่นพึมพำเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งทำให้พระเจ้าทรงพิโรธและส่งไฟไปที่ขอบค่าย เพียงหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มบ่นอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะจัดเตรียมมานาให้พวกเขา พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งที่จำเป็น แต่พวกเขายังคงโหยหาอาหารจากอียิปต์ โดยมองย้อนอดีตในแง่ดีและลืมไปว่า ปัจจุบันที่พวกเขาอยู่กับพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีกว่าความอุดมสมบูรณ์ในอดีตที่ไม่มีพระองค์ พวกเขาต้องเข้าใจว่าความพึงพอใจที่แท้จริงอยู่ที่การมีพระเจ้าอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เพียงแค่อาหารที่พวกเขาต้องการ
โมเสสรู้สึกเครียดจากการบ่นของผู้คนและได้ระบายความรู้สึกต่อพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงแนะนำให้กระจายความรับผิดชอบไปยังคนอื่น โดยพระวิญญาณของพระเจ้าจะนำพวกเขาไปสู่การพูดความจริงแทนการบ่น โมเสสรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้แบ่งปันอำนาจของพระเจ้าให้กับผู้นำคนอื่น ๆ ในค่าย ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าความสัมพันธ์พิเศษของพระเจ้ากับโมเสสเป็นสิ่งที่สำคัญและชัดเจนก็ตาม
แม้ว่าพระเจ้าจะส่งเนื้อให้พวกเขาเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นความเสียใจ เพราะมีผู้ที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าได้รับโทษจากการกระทำของพวกเขา โมเสสต้องเผชิญกับการต่อต้านจากมิเรียมและอาโรนเกี่ยวกับการนำของเขา ซึ่งเป็นความตึงเครียดในครอบครัวที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงลงโทษมิเรียมด้วยการทำให้เธอเป็นโรคเรื้อน แต่ส่งผลให้ครอบครัวทั้งหมดต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทางต่อไป ในขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงมีแผนที่จะส่งสายลับสิบสองคนไปสอดแนมดินแดนที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ซึ่งจะทำให้เกิดการทดสอบความเชื่อของพวกเขาในพระเจ้า.
ข้อคิด: กันดารวิถี 11-13
เป็นเรื่องที่สวยงามมากที่ได้เห็นบุคคลสามบุคคลที่แตกต่างกันของพระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียวของเรา ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนในค่ายในลักษณะต่างๆ กัน ในขณะที่พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาประทับอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พระเจ้าผู้เป็นพระวิญญาณทรงสถิตอยู่เหนือโมเสสและผู้ที่พระองค์ทรงเลือก และพระเจ้าผู้เป็นพระบุตรปรากฏเป็นเสาเมฆและไฟ แม้จะมีเสียงบ่นพึมพำจากประชากรของพระองค์ แต่พระเจ้าก็ยังคงอยู่กับพวกเขาเสมอ และพระองค์ทรงอยู่ที่ที่ซึ่งความชื่นชมยินดีมีอยู่!
คำถาม
1. การจัดการกับความไม่พอใจและความคิดเห็นที่แตกต่าง: ในกันดารวิถี 11 มีการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับความไม่พอใจของประชากรต่อสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญ คุณคิดว่าความไม่พอใจและการแสดงความคิดเห็นในกลุ่มสามารถมีผลกระทบต่อทีมงานหรือชุมชนในปัจจุบันได้อย่างไร? และเราจะจัดการกับความไม่พอใจนั้นอย่างสร้างสรรค์ได้อย่างไร?
2. การฟังเสียงของพระเจ้าและการเดินตามการนำทาง: ในกันดารวิถี 12-13 มีการพูดถึงการส่งสำรวจดินแดนใหม่ คุณคิดว่าการฟังเสียงของพระเจ้าหรือความเชื่อในสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นได้ง่ายมีความสำคัญต่อการตัดสินใจในชีวิตประจำวันอย่างไร? และเราจะสร้างความมั่นใจในความเชื่อและการตัดสินใจที่ท้าทายได้อย่างไร?
ทาเบราห์ (תַּבְעֵרָה) เป็นชื่อสถานที่ที่กล่าวถึงในพระธรรมกันดารวิถี บทที่ 11 มีความหมายว่า "การเผาไหม้" หรือ "ไฟไหม้" ในภาษาฮีบรู
ที่มาและความหมายดั้งเดิม
ชื่อ "ทาเบราห์" มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ ในขณะที่ชนชาติอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่ทาเบราห์ พวกเขาได้บ่นต่อพระเจ้าเกี่ยวกับความยากลำบากในการเดินทางในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาคิดถึงอาหารที่พวกเขาเคยกินในอียิปต์ และรู้สึกเบื่อหน่ายกับมานา ซึ่งเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้พวกเขา
เมื่อพระเจ้าได้ยินคำบ่นของพวกเขา พระองค์ทรงกริ้วและส่งไฟมาเผาผลาญคนอิสราเอลที่อยู่บริเวณรอบนอกของค่าย ไฟนั้นได้คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมาก
เมื่อประชาชนร้องขอความช่วยเหลือจากโมเสส โมเสสจึงอธิษฐานต่อพระเจ้า และไฟนั้นก็ดับไป เพื่อเป็นการเตือนใจถึงเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่า "ทาเบราห์" ซึ่งหมายถึง "การเผาไหม้" หรือ "ไฟไหม้"
ความสำคัญของเหตุการณ์ที่ทาเบราห์
เหตุการณ์ที่ทาเบราห์เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญสำหรับชนชาติอิสราเอลและสำหรับเราทุกคนในปัจจุบัน
- ความไม่พอใจและคำบ่น: เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการไม่พอใจในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรา การบ่นและไม่พอใจสามารถนำเราไปสู่การทดลองและความบาปได้
- การทดลองและความเชื่อ: การเดินทางในถิ่นทุรกันดารเป็นการทดสอบความเชื่อของชนชาติอิสราเอล พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาพระเจ้าและไว้วางใจในพระองค์แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
- พระเมตตาและการให้อภัย: แม้ว่าพระเจ้าจะทรงกริ้วต่อคำบ่นของพวกเขา แต่พระองค์ก็ทรงแสดงความเมตตาโดยการดับไฟและให้อภัยพวกเขา
- การระลึกถึงพระคุณ: ชื่อ "ทาเบราห์" เป็นเครื่องเตือนใจให้ชนชาติอิสราเอลระลึกถึงเหตุการณ์นี้และเรียนรู้ที่จะขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อพวกเขา
บทเรียนสำหรับเรา
เรื่องราวที่ทาเบราห์สอนเราว่า เราควรพอใจในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรา และวางใจในพระองค์แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การบ่นและการไม่พอใจสามารถนำเราไปสู่ปัญหาและความทุกข์ได้ ในทางตรงกันข้าม การขอบคุณพระเจ้าและไว้วางใจในพระองค์จะนำเราไปสู่ความสงบและความสุข