เรื่องย่อ
พระธรรมกันดารวิถีบทที่ 26-27 เป็นการเตรียมการสำหรับการเข้าสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญา บทที่ 26 บันทึกการสำรวจประชากรครั้งที่สองของอิสราเอลหลังจาก 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของประชากร แม้จะมีความสูญเสียมากมาย บทที่ 27 กล่าวถึงกรณีของเศโลเฟหัด ซึ่งท้าทายประเพณีการมอบมรดกให้เฉพาะผู้ชาย และในที่สุดก็ได้รับการยอมรับสิทธิในการรับมรดกของผู้หญิง และการแต่งตั้งโยชูวาเป็นผู้นำคนใหม่หลังจากโมเสส ทั้งสองบทนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่าน การจัดระเบียบใหม่ และการยืนยันถึงความยุติธรรมและความเท่าเทียมกัน ก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้
หลังจากการระบาดใหญ่ครั้งร้ายแรง พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสสและเอเลอาซาร์ มหาปุโรหิตคนใหม่ ให้ทำการสำรวจสำมะโนประชากรอีกครั้ง เนื่องจากเวลาผ่านไป 38 ปีแล้ว นับตั้งแต่การสำรวจครั้งสุดท้าย มีการตายและเกิดขึ้นมากมาย จึงจำเป็นต้องมีการอัปเดตข้อมูลประชากรเพื่อเตรียมการเข้าสู่แผ่นดินพันธสัญญาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้รอดชีวิตจากการสำรวจครั้งแรกที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ยกเว้นคาเลบ โยชูวา และครอบครัวของพวกเขา ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการเข้าสู่แผ่นดินพันธสัญญา
พระเจ้าทรงอธิบายวิธีการแบ่งดินแดนให้กับชนเผ่าต่างๆ โดยกำหนดให้ชนเผ่าที่มีขนาดใหญ่ได้รับที่ดินส่วนใหญ่ และชนเผ่าที่มีขนาดเล็กได้รับที่ดินส่วนน้อย ชาวเลวีจะไม่ได้รับที่ดินมรดก เนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นมรดกของพวกเขาเอง เหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นเมื่อลูกสาวห้าคนของเซโลเฟฮัดผู้ล่วงลับไปแล้วขอส่วนแบ่งมรดกจากโมเสสและเอเลอาซาร์ พวกเธอได้รับการอนุมัติจากพระเจ้าและสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ช่วยให้สตรีได้รับสิทธิ์ในมรดก
พระเจ้าทรงบอกโมเสสว่าเขาจะเสียชีวิต แต่จะได้เห็นแผ่นดินพันธัญญญาจากยอดเขา พระองค์ทรงสั่งให้โมเสสแต่งตั้งโยชูวา ผู้ช่วยของเขา เป็นผู้นำคนใหม่ของชาวอิสราเอล เพื่อนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินพันธสัญญา โมเสสทำตามคำสั่งของพระเจ้าโดยวางมือบนโยชูวาต่อหน้าเอเลอาซาร์ มหาปุโรหิต เพื่อแสดงการถ่ายโอนอำนาจ
ข้อคิด: กันดารวิถี 26-27
การตอบสนองของพระเจ้าต่อลูกสาวทั้งห้าของเซโลเฟฮัดแสดงให้เราเห็นไม่เพียงแต่ความเมตตาและความเอื้ออาทรอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมีเหตุผลของพระองค์ด้วย ช่างเป็นการปลอบโยนใจที่พระเจ้าของเราทรงสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างลักษณะทางอารมณ์ในธรรมชาติของพระองค์และลักษณะทางปฏิบัติและตรรกะในธรรมชาติของพระองค์ และนั่นก็สมเหตุสมผล เพราะแน่นอนว่าพระองค์อยู่ที่ซึ่งความจริงอยู่ พระองค์อยู่ที่ซึ่งความปีติยินดีอยู่เช่นกัน
คำถาม
1. การสำรวจตนเองและการเติบโต: ในกันดารวิถี 26 มีการประชุมประชากรเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรและทบทวนความก้าวหน้า คุณคิดว่าการสำรวจตนเองและการประเมินผลในชีวิตประจำวันนั้นสำคัญอย่างไร? และเราจะสามารถทำให้การประเมินนั้นกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการเติบโตส่วนบุคคลได้อย่างไร?
2. การสืบทอดคุณค่าและความรับผิดชอบ: ในกันดารวิถี 27 มีการพูดถึงการสืบทอดคำสอนและการส่งต่อความรับผิดชอบ คุณคิดว่าเราสามารถส่งต่อคุณค่าและความเชื่อให้กับคนรุ่นถัดไปได้อย่างไรในยุคปัจจุบัน? และเราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้อย่างไร?
บุตรสาวของเศโลเฟหัด
เศโลเฟหัดเป็นชายจากเผ่ามนัสเสห์ มีบุตรสาวห้าคนชื่อ มาห์ลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ เศโลเฟหัดไม่มีบุตรชาย เมื่อเขาเสียชีวิต จึงไม่มีผู้สืบทอดมรดกของเขาตามธรรมเนียมในสมัยนั้น
การร้องเรียน
บุตรสาวทั้งห้าของเศโลเฟหัดจึงได้ร้องเรียนต่อโมเสสและผู้นำคนอื่นๆ ว่า พวกตนควรได้รับมรดกของบิดา เนื่องจากบิดาของพวกตนไม่ได้ทำความผิดใดๆ ที่ทำให้พวกตนต้องสูญเสียมรดก
การตัดสินของพระเจ้า
โมเสสนำเรื่องนี้ไปทูลถามพระเจ้า และพระเจ้าทรงตอบว่า คำร้องเรียนของบุตรสาวของเศโลเฟหัดนั้นถูกต้องแล้ว พวกเธอควรได้รับมรดกของบิดา
กฎหมายใหม่
พระเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติกฎหมายใหม่ว่า ถ้าชายใดไม่มีบุตรชาย บุตรสาวของเขาจะได้รับมรดกของเขา และถ้าเขาไม่มีบุตรสาว ญาติสนิทที่สุดของเขาจะได้รับมรดก
ความสำคัญของเรื่องราว
เรื่องราวของบุตรสาวทั้งห้าของเศโลเฟหัดมีความสำคัญหลายประการ
- สิทธิของผู้หญิง: แสดงให้เห็นถึงสิทธิของผู้หญิงในการรับมรดกในสังคมอิสราเอลโบราณ
- ความยุติธรรม: แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมของพระเจ้าในการตัดสินปัญหาต่างๆ
- ความเมตตา: แสดงให้เห็นถึงความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงดูแลผู้ที่อ่อนแอและถูกกดขี่
บทเรียนจากเรื่องราว
เรื่องราวของบุตรสาวทั้งห้าของเศโลเฟหัดสอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของ
- การเรียกร้องความยุติธรรม: เราควรกล้าที่จะเรียกร้องความยุติธรรมเมื่อเราถูกเอารัดเอาเปรียบ
- การพึ่งพาพระเจ้า: เราควรวางใจและพึ่งพาพระเจ้าในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
- ความเมตตา: เราควรมีความเมตตาต่อผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอและด้อยโอกาสกว่าเรา