เรื่องย่อ
ดาวิดแสดงถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า โดยเผยให้เห็นถึงความไว้วางใจในพระองค์ในช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับความยากลำบากและศัตรู ตลอดจนการยกย่องและสรรเสริญความดีของพระเจ้าในชีวิต สาระสำคัญของสดุดีเหล่านี้เน้นให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งความปลอดภัยและความช่วยเหลือในยามทุกข์ และเป็นตุลาการที่ยุติธรรม พระเจ้าทรงมีความรักมั่นคงและพร้อมที่จะปกป้องผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการเตือนให้ระวังการกระทำที่ชั่วร้ายและยืนยันถึงความสำคัญของการนมัสการพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์และจริงใจ
วันนี้เราได้อ่านสดุดีที่ดาวิดเขียนในช่วงเวลาที่เขาต้องหลบหนี จากบทเพลงของเขา สดุดี 7 สร้างภาพความรู้สึกของผู้ลี้ภัยที่ตัดสินใจวางใจในพระเจ้า โดยดาวิดประกาศว่าพระองค์คือที่ลี้ภัยของเขา เขาสำนึกถึงความบริสุทธิ์ของตนและเชิญชวนพระเจ้าให้ลงโทษเขาหากเขาผิด หากไม่ใช่เขาก็ขอให้พระเจ้าจัดการกับผู้ที่กล่าวหาเขาอย่างเท็จ ทั้งนี้เขายืนยันว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีความยุติธรรม และเชื่อว่าแผนการของพระองค์จะนำการฟื้นฟูมาสู่โลก
ในสดุดี 27 ดาวิดได้แสดงความมั่นใจในพระเจ้าซึ่งเป็นแสงสว่างและความรอดของเขา เขาอาจเขียนในช่วงเวลาที่อยู่ในป้อมปราการ แต่สิ่งที่ดาวิดปรารถนาคือความใกล้ชิดกับพระเจ้า เช่นเดียวกับที่เขาพูดถึงการซ่อนเร้นในเต็นท์ของพระองค์ เขายังแสดงถึงการถวายเครื่องบูชาและร้องตะโกนด้วยความยินดีเหมือนกับความสำเร็จในอดีต และมีความเชื่อว่าเขาจะเห็นความดีของพระเจ้าในชีวิตนี้
สดุดี 31 สะท้อนถึงการคร่ำครวญและการสรรเสริญพระเจ้า รวมทั้งความรู้สึกว่าพระเจ้าคือความหลบภัยของเขา แม้ดาวิดจะรู้สึกว่าเกิดความทุกข์ร้อนจากความผิดหรือการโกหก แต่เขาก็ยังคงฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าและเชื่อมั่นในความช่วยเหลือของพระองค์ ในสดุดี 34 และ 52 ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าและเตือนให้คนอื่นวางใจในพระองค์ ในขณะที่ยังคงเน้นถึงความยุติธรรมของพระเจ้าที่จะดูแลผู้เชื่อ การเดินทางของดาวิดในบทเพลงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กับความกลัวและความท้าทาย พร้อมกับความมั่นใจในความรักและการเข้าสู่แผนการของพระเจ้าต่อไป
ข้อคิด: สดุดี 7; 27; 31; 34; 52
สดุดี 34:5 กล่าวว่า “บรรดาผู้ซึ่งมองดูพระองค์ก็รุ่งโรจน์ และใบหน้าของพวกเขาจะไม่มีความละอายเลย” คุณกำลังมองดูพระองค์ พระองค์กำลังเปลี่ยนแปลงและขยายความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับพระองค์ คุณกำลังพกพาแสงสว่างและความหวังใหม่ติดตัวไปด้วย ซึ่งสว่างไสวกว่าเมื่อ 105 วันก่อน แน่นอนว่าคุณมีแสงสว่างใหม่ เพราะคุณกำลังจ้องไปที่พระองค์ และพระองค์คือที่ซึ่งความปีติยินดีอยู่!
คำถาม
1. การหาที่พึ่งจากพระเจ้าเมื่อเผชิญกับความไม่ยุติธรรม: ในสดุดีบทที่ 7 และ 34 ดาวิดร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเมื่อเผชิญกับความไม่ยุติธรรมและศัตรู คุณคิดว่าการหาที่พึ่งจากพระเจ้าในเวลาที่เราต้องเผชิญกับการตั้งข้อกล่าวหาหรือความไม่ยุติธรรมในชีวิตประจำวันมีความสำคัญอย่างไร? วิธีการที่เราสามารถเข้าใจและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างไร?
2. ความสำคัญของการสำนึกผิดและการกลับใจ: ในสดุดีบทที่ 27 และ 52 มีข้อความที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการสำนึกผิดและกลับใจจากความผิดพลาด คุณคิดว่าการสำนึกผิดนั้นส่งผลต่อการเติบโตและพัฒนาของเราทั้งในด้านจิตใจและจิตวิญญาณได้อย่างไร? เรามีวิธีการใดในการส่งเสริมการสำนึกผิดในตัวเราและผู้อื่นในสังคมของเรา?
พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย เป็นความจริงที่สำคัญและเป็นพื้นฐานของความเชื่อในพระเจ้า ซึ่งมีเรื่องราวมากมายในพระคัมภีร์ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของพระเจ้าในฐานะที่พักพิงและที่กำบังภัยสำหรับผู้ที่วางใจในพระองค์
ความหมายของการที่พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย:
- ที่กำบังจากอันตราย: พระเจ้าทรงเป็นเหมือนป้อมปราการ ที่มั่น หรือร่มเงาที่ปกป้องเราจากอันตรายทางกายภาพ จิตใจ และฝ่ายวิญญาณ
- ที่พักพิงในยามยากลำบาก: เมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ ความเศร้าโศก การทดลอง หรือการกดขี่ พระเจ้าทรงเป็นที่ที่เราสามารถเข้ามาพักพิงและรับการปลอบประโลม
- แหล่งแห่งความปลอดภัยและความมั่นคง: การวางใจในพระเจ้าทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและมั่นคง แม้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของโลกนี้
- ที่ที่เราสามารถพบความสงบ: ในความวุ่นวายของชีวิต พระเจ้าทรงเป็นที่ที่เราสามารถเข้ามาหาความสงบในจิตใจและพบการพักผ่อน
- ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือและกำลังใจ: พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ กำลังใจ และสติปัญญาแก่ผู้ที่เข้ามาหาพระองค์
ข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงพระเจ้าในฐานะที่ลี้ภัย (ตัวอย่าง):
- สดุดี 46:1: "พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก"
- สดุดี 91:1-2: "คนที่อาศัยอยู่ในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด จะพักพิงอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ข้าพเจ้าจะทูลพระยาห์เวห์ว่า 'พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและป้อมปราการของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ผู้ที่ข้าพเจ้าวางใจ'"
- อิสยาห์ 25:4: "เพราะพระองค์ทรงเป็นที่กำบังแก่คนยากจน เป็นที่กำบังแก่คนขัดสนในยามทุกข์ใจ เป็นที่หลบภัยจากพายุ และเป็นร่มเงาจากความร้อน เมื่อลมของคนดุร้ายพัดมาเหมือนพายุที่ซัดกำแพง"
บทเรียนสอนใจ:
- การวางใจในพระเจ้า: การที่พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยเรียกร้องให้เราวางใจในพระองค์อย่างสุดใจ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
- การเข้ามาหาพระเจ้า: เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก เราควรเข้าใกล้พระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ และการแสวงหาการทรงนำจากพระองค์
- การเป็นที่ลี้ภัยสำหรับผู้อื่น: ในฐานะผู้เชื่อ เรายังได้รับเรียกให้เป็นเหมือนที่ลี้ภัยสำหรับผู้อื่นที่กำลังเผชิญกับความทุกข์ยาก โดยการให้ความช่วยเหลือ การสนับสนุน และการให้กำลังใจ
ดังนั้น การกล่าวว่า "พระเจ้าคือที่ลี้ภัย" จึงเป็นถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความหมาย ความหวัง และความมั่นใจในความรักและการปกป้องของพระเจ้าสำหรับผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์