เรื่องย่อ
เมื่อพระหีบพันธสัญญากลับคืนสู่เยรูซาเล็มใน 2 ซามูเอล บทที่ 6 ดาวิดแสดงออกถึงความดีใจและการนมัสการอย่างเต็มที่ แม้จะมีอุปสรรคจากอุสซาห์ที่ถูกลงโทษ แต่ดาวิดได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้และทำการเคลื่อนย้ายพระหีบอีกครั้งด้วยความเคารพและตามพระบัญชาของพระเจ้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพระเจ้ากับประชากร ขณะเดียวกันในบทที่ 7 ดาวิดตั้งใจจะสร้างพระวิหารเพื่อเคารพพระเจ้า แต่พระเจ้ากลับส่งคำสั่งผ่านนาธานบอกว่าพระองค์ไม่ต้องการให้ดาวิดสร้างพระวิหาร แต่จะทรงตั้งรกรากให้มีบ้านเรื่อนให้แก่ดาวิดตลอดไป โดยสัญญาว่าจะให้ราชวงศ์ของดาวิดดำรงอยู่ตลอดไป วางแนวทางสำคัญที่จะนำไปสู่การมาเยือนของพระเยซูคริสต์ในอนาคต ในบทที่ 1 พงศาวดาร บทที่ 17 ข้อความนี้ได้รับการย้ำอีกครั้ง ทำให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและความสำคัญของพันธสัญญาที่แข็งแกร่ง แนวทางนี้สร้างความมั่นใจในความหวังและความถาวรของพระสัญญาต่อประชากรของพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย
เรื่องราวเกี่ยวกับการนำหีบพันธสัญญามายังกรุงเยรูซาเล็ม โดยดาวิดประสบกับความกลัวพระเจ้าเมื่ออุสซาห์ถูกสังหาร แต่หลังจากที่เห็นพระเจ้าอวยพรบ้านของโอเบดเอโดม ความกลัวของเขาก็เปลี่ยนเป็นความเชื่อและความเข้าใจในพระเจ้า เขาจึงตัดสินใจนำหีบพันธสัญญามายังกรุงเยรูซาเล็ม ระหว่างนั้นเขาได้พบกับมีคาลที่ไม่พอใจ ซึ่งอาจเป็นเพราะความต่างในการเห็นความสำคัญของหีบพันธสัญญาและความขัดแย้งในอดีตระหว่างดาวิด ซาอูล และเธอ
เมื่อดาวิดนำหีบพันธสัญญาเข้าเมือง เขาสวมใส่เครื่องนุ่งห่มธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดราชวงศ์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้มีคาล ดาวิดชี้แจงว่าเขาทำเช่นนี้เพราะความจริงใจต่อพระเจ้า และไม่สนใจต่อความคาดหวังทางสังคม ขณะที่เรื่องราวบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ร้าวรานของพวกเขา เหมาะสมกับการที่มีคาลไม่มีลูก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างเธอกับดาวิด
ใน 2 ซามูเอล 7 ดาวิดปรารถนาสร้างพระวิหารให้พระเจ้า แต่นาธานผู้เผยพระวจนะถูกพระเจ้าห้ามไว้ โดยพระองค์ให้คำมั่นสัญญาถึงพันธสัญญาของดาวิด ซึ่งประกอบด้วยสองสิ่งคือ ราชวงศ์ที่มั่นคงของดาวิดและการก่อสร้างพระวิหารโดยบุตรชายของเขา การพยากรณ์นี้ยังชี้ไปที่พระคริสต์และการครองราชย์นิรันดร์ของพระองค์ ดาวิดตอบสนองด้วยความอ่อนน้อมและยินดีที่ได้รับพระสัญญา ซึ่งเขาหวังว่าผู้อื่นจะมองเห็นความดีงามของพระเจ้าเช่นกัน
ข้อคิด: 2 ซามูเอล 6-7, 1 พงศาวดาร 17
กษัตริย์ดาวิด ผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน กลับได้รับคำตอบว่าไม่ พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเราเพราะพระองค์ไม่ยอมรับเรา หากพระเจ้าปฏิเสธ พระองค์ก็จะตอบเราด้วยความเมตตากรุณาที่สุด คำตอบว่าใช่จะน้อยกว่า เพราะไม่สอดคล้องกับแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระองค์ นั่นคือการถวายเกียรติแด่พระองค์เองและอวยพรประชากรของพระองค์ในเวลาเดียวกัน คำตอบว่าไม่ของพระองค์หมายถึงคำตอบว่าใช่เสมอ คำตอบนี้อาจไม่ชัดเจนเสมอไปเหมือนอย่างที่ดาวิดทำ แต่ถ้าเราวางใจในพระทัยของพระองค์ เราจะเชื่อได้แม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม พระองค์อยู่ที่ซึ่งความปีติยินดี!
คำถาม
1. การแสดงความเคารพและความภักดีต่อพระเจ้าในชีวิตประจำวัน: จากเรื่องราวใน 2 ซามูเอล 6-7 ที่ดาวิดแสดงความเคารพต่อพระเจ้าโดยการพยายามนำหีบพันธสัญญากลับเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม และคำสัญญาของพระเจ้าที่ให้แก่ดาวิดเกี่ยวกับสายเลือดของเขา ในชีวิตปัจจุบัน เรายึดมั่นในความสัตย์ซื่อและความเคารพต่อพระเจ้าอย่างไร เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น?
2. ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความไว้วางใจในพระเจ้าสำหรับอนาคตของเรา: ใน 1 พงศาวดาร 17 ดาวิดรับรู้ถึงความสำคัญของการวางแผนและปรึกษาพระเจ้า รวมทั้งพระสัญญาที่พระเจ้ามอบให้เกี่ยวกับอนาคตของเขา และบ้านของเขา ในโลกปัจจุบัน เราจะสามารถมีความเชื่อมั่นและวางแผนอนาคตอย่างไรโดยไม่ละเลยความอ่อนน้อมถ่อมตนและการพึ่งพาพระเจ้าเป็นหลักสำคัญ?
2 ซามูเอล บทที่ 6 มีคาลไม่พอใจดาวิดอย่างมากเมื่อเห็นเขากำลังเต้นรำและกระโดดโลดเต้นด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าหีบพันธสัญญาที่กำลังถูกนำเข้ามาในกรุงเยรูซาเล็ม เธอเยาะเย้ยเขาว่า "วันนี้กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงสำแดงพระองค์สง่างามสักเพียงไร ที่ทรงเปลื้องพระองค์ต่อหน้าพวกสาวใช้ของข้าราชสำนัก เหมือนคนอันธพาลคนหนึ่งเปลื้องผ้าอย่างน่าละอาย!" (2 ซามูเอล 6:20)
เหตุการณ์นี้สอนใจเราในหลายประการ:
1. ความแตกต่างในมุมมองต่อการนมัสการ: ดาวิดแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีและถ่อมตนในการนมัสการพระเจ้าอย่างเปิดเผย โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของกษัตริย์ ในขณะที่มีคาลซึ่งเป็นเชื้อสายกษัตริย์มองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเสียศักดิ์ศรีและไม่เหมาะสม ข้อคิดคือ การนมัสการที่แท้จริงมาจากใจและอาจแสดงออกแตกต่างกันไป การยึดติดกับรูปแบบหรือธรรมเนียมมากเกินไปอาจทำให้เราพลาดแก่นแท้ของการนมัสการได้
2. อันตรายของความเย่อหยิ่งและทัศนคติที่ตัดสิน: มีคาลมองดาวิดด้วยสายตาที่ดูถูกและตัดสินจากการเลี้ยงดูในราชสำนักของเธอ ความเย่อหยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจจิตใจที่ถ่อมตนและรักพระเจ้าของดาวิด ข้อคิดคือ เราควรระมัดระวังไม่ให้ความเย่อหยิ่งหรือทัศนคติที่ตัดสินผู้อื่นมาบดบังความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจที่เรามีต่อผู้อื่น
3. ผลกระทบของการไม่เห็นด้วยและการดูถูก: การที่มีคาลดูถูกดาวิดนำไปสู่ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ของพวกเขา และพระคัมภีร์บันทึกว่ามีคาลไม่มีบุตรจนสิ้นชีวิต ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการขาดความเข้าใจและความเคารพต่อการกระทำของดาวิด ข้อคิดคือ การไม่เห็นด้วยและการดูถูกคนใกล้ชิด โดยเฉพาะคู่สมรส สามารถนำไปสู่ความแตกร้าวและความเหินห่างในความสัมพันธ์ได้
4. ความสำคัญของการให้เกียรติพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด: ดาวิดตอบมีคาลว่าการกระทำของเขานั้นเป็นการกระทำต่อหน้าพระเจ้าผู้ทรงเลือกเขาเหนือกว่ากษัตริย์ซาอูลและวงศ์วานทั้งหมด ดาวิดให้ความสำคัญกับการถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากกว่าการรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง ข้อคิดคือ เราควรให้ความสำคัญกับการเชื่อฟังและถวายเกียรติแด่พระเจ้าเหนือความคิดเห็นหรือความคาดหวังของผู้อื่น
เรื่องราวของมีคาลที่ไม่พอใจดาวิดใน 2 ซามูเอล สอนใจเราเกี่ยวกับความสำคัญของการมีมุมมองที่ถูกต้องต่อการนมัสการ การหลีกเลี่ยงความเย่อหยิ่งและการตัดสินผู้อื่น ผลกระทบของการไม่เห็นด้วยและการดูถูกในความสัมพันธ์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการให้ความสำคัญกับการถวายเกียรติแด่พระเจ้า