เรื่องย่อ
เมื่อดาวิดขึ้นครองราชย์และเริ่มขยายอาณาจักร อาณาจักรอิสราเอลใน 2 ซามูเอล บทที่ 8 บันทึกถึงความสำเร็จในการพิชิตศัตรูทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาวฟีลิสเตีย โมอับ และอารัม ศักดิ์ศรีของอาณาจักรกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยดาวิดทรงใช้ความเด็ดขาดและความสามารถทางกองทัพในการนำพาประชาชนกับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำถึงความยุติธรรมที่เขามอบให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะการดูแลคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส ในบทที่ 9 ดาวิดแสดงถึงความเมตตาต่อเมฟีโบเชธ ลูกชายของโยนาธาน โดยเปิดบ้านด้วยความรักและให้สถานที่อันอบอุ่นแก่เขา ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ของกษัตริย์ที่ไม่เพียงแต่เป็นนักรบที่ทรงพลัง แต่ยังเต็มไปด้วยความเห็นใจและความจงรักภักดีต่อตระกูลของเพื่อน ในขณะที่ 1 พงศาวดาร บทที่ 18 สรุปเสริมสร้างการอ้างอิงถึงชัยชนะและการตั้งองค์กรทางการทหารของอาณาจักร ส่งเสริมให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการนำของดาวิดได้แสดงให้เห็นว่าเป็นเวลาที่สำคัญและเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างอิสราเอลให้มั่นคงและเข้มแข็งในอนาคต
วันนี้เราะมองดูชัยชนะของดาวิดในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยสอดคล้องกับการบันทึกในพระคัมภีร์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของเขาไม่ใช่เพราะความสามารถส่วนตัวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำงานของพระเจ้าที่ทรงสนับสนุนและประทานชัยชนะให้เขา การต่อสู้และชัยชนะที่ดาวิดได้รับมักจะถูกเรียกร้องให้เป็นของพระเจ้า ซึ่งในหลายๆ ครั้งในพระคัมภีร์บอกเราว่า “พระเจ้าทรงประทานชัยชนะ” ให้แก่เขา ชัยชนะดังกล่าวคือของพระเจ้า ไม่ใช่ความแข็งแกร่งหรือความเก่งกาจของดาวิดเอง ซึ่งการให้เกียรติพระเจ้านี้ก็เห็นได้จากการที่ดาวิดอุทิศของที่ริบมาจากสงครามเพื่อใช้ในกิจกรรมของประชาชนและสร้างพระวิหารในท้ายที่สุด เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและความซื่อสัตย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้ดาวิดจะเป็นกษัตริย์ผู้โดดเด่น พระองค์ก็ให้เกียรติแด่พระเจ้าตลอดเวลา
นอกจากชัยชนะแล้ว พระคัมภีร์ยังเน้นให้เราเห็นถึงความยุติธรรมและความซื่อสัตย์ของดาวิดในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ ตัวอย่างเช่น การรักษาสัญญากับโจนาธานและการแสดงความเมตตาต่อเมฟิโบเชธ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อคำพูดของพระองค์ในฐานะกษัตริย์ การดำเนินชีวิตเช่นนี้สะท้อนความเป็นผู้นำที่มีภูมิปัญญาและความเมตตา พระองค์ไม่ได้มองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำงานเพื่อคนอื่นและเพื่อความดีของประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความเป็นผู้นำที่ยึดมั่นในความยุติธรรมและจริยธรรมในฐานะกษัตริย์
ทั้งชัยชนะและความเมตตาของดาวิดนั้นล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการให้เกียรติพระเจ้า และการดำเนินชีวิตโดยมีความซื่อสัตย์และความอ่อนน้อมถ่อมตน พระองค์ไม่เพียงแต่เป็นฮีโร่ของสงครามและผู้ครองราชย์เท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ยึดถือคุณธรรมและความรับผิดชอบอย่างแท้จริง พระคัมภีร์จึงเตือนให้เราระลึกเสมอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เกียรติแด่พระเจ้า และให้ความพยายามในการดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขและความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนแก่ผู้คนรอบข้างและประเทศชาติในที่สุด
ข้อคิด: 2 ซามูเอล 8-9; 1พงศาวดาร 18
วิธีที่ดาวิดปฏิบัติต่อเมฟิโบเชธเพราะโจนาธานเป็นวิธีที่พระบิดาปฏิบัติต่อเราเพราะพระบุตร เราได้รับเชิญให้ใช้ชีวิตในอาณาจักรของพระองค์และรับประทานอาหารที่โต๊ะของพระองค์ตลอดไป! และเราไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ด้วยตัวเอง—เราพิการเพราะบาปของเรา ดังนั้นพระองค์จึงแบกเราไว้ และงานทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อยสำหรับเรา เพราะเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เช่นกัน งานเสร็จสิ้นแล้ว! เราได้ใช้ชีวิตในอาณาจักรของพระองค์และรับประทานอาหารที่โต๊ะของพระองค์ตลอดไป สรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งนั้น เพราะพระองค์อยู่ที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. ความเมตตาและความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ส่วนตัว: จากเรื่องราวใน 2 ซามูเอล 8-9 ซึ่งเน้นถึงความเมตตาและความซื่อสัตย์ของดาวิดที่มีต่อพันธมิตรและผู้รับใช้ของพระองค์ รวมถึงความสำคัญของการแสดงความเมตตาในความสัมพันธ์ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน คำถามคือ เราจะสามารถนำหลักการเมตตาและความซื่อสัตย์นี้ไปปรับใช้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนในครอบครัว ที่ทำงาน และคริสตจักรได้อย่างไร?
2. การรวมตัวและความเป็นผู้นำในช่วงเวลาท้าทาย: ใน 1 พงศาวดาร 18 ที่เล่าเรื่องการรบและความสำเร็จของดาวิดบนสนามรบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำทีมและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คำถามคือ ในยุคปัจจุบัน เราจะสามารถเป็นผู้นำที่ดีและสร้างความสามัคคีในกลุ่มหรือชุมชนของเราได้อย่างไร โดยไม่ลืมการให้ความสำคัญกับความเมตตา ความเข้าใจ และการร่วมมือกัน?
เมฟิโบเชธ (מְפִיבֹשֶׁת) เป็นบุคคลสำคัญในหนังสือ 2 ซามูเอล บทที่ 4, 9, และ 16-19 เขาเป็นพระโอรสของโยนาธาน และพระราชนัดดา (หลานชาย) ของกษัตริย์ซาอูล กษัตริย์องค์แรกของอิสราเอล
เรื่องราวของเมฟิโบเชธสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งและหลากหลายแก่เรา ดังนี้:
1. พระคุณและความเมตตาที่ไม่สมควรได้รับ:
- เมฟิโบเชธเป็นทายาทของกษัตริย์ซาอูล ผู้ซึ่งเป็นศัตรูของกษัตริย์ดาวิด เมื่อซาอูลและโยนาธานเสียชีวิต ดาวิดได้ขึ้นครองราชย์ ตามธรรมเนียมปฏิบัติในสมัยนั้น ทายาทของกษัตริย์องค์ก่อนมักถูกกำจัดเพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์
- อย่างไรก็ตาม ดาวิดทรงระลึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับโยนาธาน (1 ซามูเอล 20:14-17) และทรงแสดงความเมตตาต่อเมฟิโบเชธอย่างเหลือเชื่อ ดาวิดทรงสืบถามถึงทายาทของซาอูล และเมื่อทราบว่ามีเมฟิโบเชธซึ่งพิการที่เท้าทั้งสอง ดาวิดก็ทรงเรียกเขามา ไม่เพียงแต่ไม่ทรงทำอันตรายเขา แต่ยังทรงคืนที่ดินทั้งหมดของซาอูลให้ และทรงอนุญาตให้เขาอาศัยอยู่ในวังและรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับกษัตริย์เสมอ (2 ซามูเอล 9)
- บทเรียน: เรื่องนี้สอนเราถึงพระคุณและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อเรา แม้ว่าเราจะเป็นคนบาปและไม่สมควรได้รับ แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและประทานสิ่งดีๆ ให้กับเรา เช่นเดียวกับดาวิดที่แสดงความเมตตาต่อเมฟิโบเชธโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ในอดีต
2. ความซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา:
- ดาวิดรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับโยนาธาน แม้เวลาจะผ่านไปนานและความสัมพันธ์ระหว่างวงศ์ตระกูลของเขากับซาอูลจะไม่ราบรื่น
- บทเรียน: ความซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาเป็นคุณธรรมที่สำคัญ เราควรให้เกียรติและรักษาสัญญาที่เราให้ไว้กับผู้อื่น แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
3. การตอบสนองต่อความเมตตา:
- เมื่อดาวิดทรงแสดงความเมตตา เมฟิโบเชธแสดงความเคารพและถ่อมตน เขาทราบดีว่าเขาไม่สมควรได้รับความเมตตานี้เลย
- บทเรียน: เราควรตระหนักถึงพระคุณและความเมตตาที่เราได้รับ และตอบสนองด้วยความขอบคุณและความถ่อมตน
4. ความภักดีและความเข้าใจผิด:
- ในช่วงที่อับซาโลมกบฏต่อดาวิด เมฟิโบเชธถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรมโดยคนรับใช้ของเขาชื่อศิบา ว่าต้องการฉวยโอกาสยึดบัลลังก์ (2 ซามูเอล 16:1-4) ดาวิดทรงเชื่อคำพูดของศิบาและริบทรัพย์สินของเมฟิโบเชธบางส่วน
- เมื่อดาวิดกลับมาครองราชย์อีกครั้ง เมฟิโบเชธได้อธิบายความจริงและแสดงความภักดีต่อดาวิดอย่างชัดเจน (2 ซามูเอล 19:24-30) แม้จะถูกใส่ร้ายและสูญเสียทรัพย์สินไป เขาก็ยังคงจงรักภักดีต่อดาวิด
- บทเรียน: เรื่องนี้สอนเราถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์และความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น บางครั้งเราอาจถูกตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม และความภักดีของเราอาจถูกทดสอบ นอกจากนี้ยังสอนให้เราไตร่ตรองข้อมูลให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ
เรื่องราวของเมฟิโบเชธเป็นตัวอย่างที่งดงามของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่ควรจะเป็น โดยเน้นย้ำถึงคุณธรรมที่สำคัญในการดำเนินชีวิตร่วมกัน