Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 50

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 53

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 60

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 75

เรื่องย่อ

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกประชาชนของพระองค์มารวมกันในสดุดีบทที่ 50 การสรรเสริญและการนมัสการได้รับการเน้นย้ำว่าไม่เพียงแต่เป็นพิธีกรรม แต่ยังเกี่ยวข้องกับสภาวะของหัวใจและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง พระองค์เตือนให้ระลึกถึงความสัตย์ซื่อและการประพฤติตนอย่างชอบธรรม ในสดุดี 53 มีการกล่าวถึงความโง่เขลาในความไม่เชื่อของมนุษย์ที่ปฏิเสธพระเจ้า และการประกาศถึงผลกรรมที่ตามมาซึ่งส่งให้ชัดเจนว่าพระเจ้าเป็นที่พึ่งเดียวในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก สดุดี 60 นำเสนอเรื่องราวของการสูญเสียและการฟื้นฟู โดยมีการเรียกร้องให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือนำกลับสู่ชัยชนะอีกครั้ง ในขณะที่สดุดี 75 ยืนยันถึงความยุติธรรมของพระเจ้าที่จะทรงลงโทษคนชั่วและยกย่องผู้ที่มีคุณธรรม บทเพลงเหล่านี้รวมกันสร้างภาพลักษณ์ของพระเจ้าในฐานะผู้พิพากษาและพระผู้ช่วยที่มั่นคง ส่งเสริมความเชื่อและความหวังให้กับประชาชนที่รอคอยการฟื้นฟูในความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ

 

สดุดี 50 เปิดเผยว่าชาวอิสราเอลบางคนตีความผิดพลาดในระบบการถวายบูชา โดยคิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับการทำบาปเท่านั้น เหมือนการจ่ายค่าปรับทางจิตวิญญาณ พระเจ้าทรงตำหนิแนวคิดนี้ โดยยืนยันว่าพระองค์มิได้ต้องการวัว แพะ หรือนกของพวกเขา แต่ต้องการหัวใจของพวกเขาอย่างแท้จริง การตีความผิดพลาดนี้ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมพระเจ้าจึงทรงใช้เวลามากในการสอนพวกเขาเกี่ยวกับการถวายบูชา ประเด็นคือ พวกเขามองข้ามรายละเอียดที่สามารถเปิดเผยหัวใจของพระองค์ และมองว่าพระองค์ทรงโลภมาก ราวกับว่าต้องการอาหารเหมือนเทพเจ้าต่างชาติ ทั้งที่ความจริงแล้ว พวกเขากลับทำความชั่ว และเพิกเฉยต่อบาปที่เกิดขึ้น พระเจ้าจึงทรงตำหนิพวกเขาและทรงปรารถนาให้พวกเขาระลึกถึงพระองค์ โดยการแสดงความขอบคุณและความกตัญญู

สดุดี 53 เน้นถึงความโง่เขลาของคนที่ไม่สนใจพระเจ้าและทำตามใจตนเอง เมื่อผู้คนใช้ชีวิตโดยไม่ตระหนักถึงอำนาจสูงสุดและความดีงามของพระเจ้า พวกเขาจึงมักคิดว่าตนเองควบคุมอนาคตได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดพลาด ความกลัว และความยากลำบาก ข้อ 5 กล่าวว่า "พวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อไม่มีความหวาดกลัว" พระเจ้าทรงประทานทางออกคือ การวางใจในพระองค์จะนำไปสู่ความชื่นชมยินดีและความสุข แทนที่จะเป็นความกลัวและความโง่เขลา การยอมจำนนต่อพระเจ้าจึงเป็นเส้นทางสู่ความอิสระ

ในสดุดี 60 ดาวิดรู้สึกว่าพระเจ้าทรงพระพิโรธและทรงทอดทิ้งอิสราเอล โดยเปรียบเทียบความพิโรธของพระเจ้ากับถ้วยไวน์ที่ทำให้เซ ซึ่งแสดงถึงความพิโรธที่รุนแรง พระเจ้าทรงยืนยันว่าพระองค์ทรงรักอิสราเอลและมีอำนาจเหนือศัตรูของพวกเขา ดาวิดยังคงประหม่า แต่สุดท้ายก็วางใจในพระเจ้า โดยตระหนักว่าอิสราเอลเป็นที่รักของพระเจ้าแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การพูดคุยกับพระเจ้าทำให้จิตใจของดาวิดสงบลง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่าความสิ้นหวัง ความกลัว และความโกรธที่เรามักประสบ

Top of Form

 

ข้อคิด: สดุดี 50; 53; 60; 75

สดุดี 50:22-23 เตือนใจให้ผู้ที่ลืมพระเจ้าให้ระลึกถึงพระองค์ โดยเน้นว่าการระลึกถึงนี้เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความกตัญญูกตเวทีและการขอบพระคุณ พระเจ้าทรงประสงค์ให้การขอบพระคุณเป็นศูนย์กลางของการนมัสการ เพราะความกตัญญูกตเวทีเป็นการระลึกถึงพระองค์ในอดีต และกระตุ้นให้เราเชื่อฟังพระองค์ในอนาคต การแสดงความกตัญญูกตเวทีทำให้จิตใจของเราผูกพันกับพระองค์ ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะเดินใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น เพราะตระหนักว่าพระองค์คือแหล่งแห่งความชื่นชมยินดี

 

คำถาม

1.   ความซื่อสัตย์และความเชื่อมั่นในพระเจ้าท่ามกลางความท้าทาย: สดุดี 50, 53, 60 และ 75 เน้นความสำคัญของการรักษาความสัตย์ซื่อในพระเจ้าแม้ในช่วงเวลาที่สังคมเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความท้าทาย คำถามคือ เราจะสามารถรักษาความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้าได้อย่างไรในชีวิตประจำวัน เมื่อเผชิญกับปัญหา ความไม่ยุติธรรม หรือความกดดันในปัจจุบัน?

2.   บทบาทของการสรรเสริญและการยุดยั้งในการเสริมสร้างความหวัง: พระคัมภีร์เน้นให้เรามีความหวังและสรรเสริญพระเจ้าในทุกสถานการณ์ เช่น สดุดี 75 ซึ่งพูดถึงพระเจ้าที่ทรงเป็นผู้พิพากษาอย่างเที่ยงธรรม เราจะนำแนวคิดนี้ไปใช้ในชีวิตอย่างไรเพื่อเสริมสร้างความหวัง ยึดมั่นในความเชื่อ และให้กำลังใจตนเองและผู้อื่นในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูยากลำบาก?

 

 

สดุดีบทที่ 50 เป็นบทที่ทรงพลังและให้ข้อคิดมากมายเกี่ยวกับการนมัสการที่แท้จริงและการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าครับ ต่อไปนี้คือ 50 ข้อคิดและหลักการที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ครับ

1.   พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง: "เพราะสัตว์ทั้งป่าเป็นของเรา และฝูงสัตว์นับพันบนภูเขาทั้งหลายก็เป็นของเรา" (ข้อ 10) เตือนให้เราตระหนักว่าทุกสิ่งที่เรามีนั้นมาจากพระองค์

2.   การนมัสการที่แท้จริงมาจากใจ: พระเจ้าไม่ได้ต้องการเครื่องบูชาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการจิตใจที่ขอบพระคุณและเชื่อฟัง

3.   ความสำคัญของการเชื่อฟังมากกว่าเครื่องบูชา: "ท่านจะเอาเครื่องบูชาจากเรือนของท่านมาให้เราทำไม หรือเอาสัตว์เผาบูชาจากคอกของท่าน" (ข้อ 9) ชี้ให้เห็นว่าการเชื่อฟังพระบัญญัติสำคัญกว่าพิธีกรรม

4.   พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง: "เรารู้จักนกทั้งหลายบนภูเขา และสัตว์ที่เคลื่อนไหวในทุ่งนาก็อยู่กับเรา" (ข้อ 11) ไม่มีสิ่งใดที่เราทำหรือคิดที่พระองค์ไม่ทรงทราบ

5.   การพึ่งพาพระเจ้าในทุกสิ่ง: "ถ้าเราหิว เราจะไม่บอกท่าน เพราะพิภพและสรรพสิ่งในนั้นเป็นของเรา" (ข้อ 12) เตือนให้เราวางใจในพระองค์สำหรับการสนองความต้องการของเรา

6.   การขอบพระคุณเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า: "จงถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า และจงแก้บนของท่านต่อองค์ผู้สูงสุด" (ข้อ 14) การขอบคุณพระองค์เป็นการนมัสการรูปแบบหนึ่ง

7.   การอธิษฐานในการเผชิญความยากลำบาก: "และจงร้องทูลเราในวันยากลำบาก เราจะช่วยกู้ท่าน และท่านจะถวายเกียรติแก่เรา" (ข้อ 15) พระองค์ทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือเราเมื่อเราขอ

8.   การพิพากษาคนชั่ว: พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนที่ไม่สนใจพระองค์และดำเนินชีวิตในความบาป

9.   การกล่าวอ้างพระสัญญาโดยไม่ปฏิบัติตาม: การอ้างถึงพระบัญญัติของพระเจ้าแต่ไม่ทำตามนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่พอพระทัย

10.  การเกลียดชังการแก้ไข: คนที่เกลียดชังคำตักเตือนและไม่ยอมรับการแก้ไขกำลังปฏิเสธพระปัญญาของพระเจ้า

11.  การสมคบคิดกับคนชั่ว: การเห็นดีเห็นงามกับการกระทำของคนบาปทำให้เรามีส่วนในความผิดนั้นด้วย

12.  การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น: การพูดจาให้ร้ายพี่น้องของเราเป็นการละเมิดต่อพระเจ้า

13.  การนิ่งเฉยต่อความบาป: การเห็นความชั่วร้ายแต่ไม่พูดอะไรเป็นการสนับสนุนความบาปนั้น

14.  การคิดว่าพระเจ้าทรงเหมือนเรา: คนชั่วคิดว่าพระเจ้าทรงเพิกเฉยต่อความบาปของพวกเขา แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น

15.  การเตือนให้สำนึกผิด: พระเจ้าทรงเตือนคนชั่วให้กลับใจก่อนที่การพิพากษาจะมาถึง

16.  ความสำคัญของการเข้าใจพระวจนะ: การรู้จักและเข้าใจพระคำของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม

17.  การดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับคำสอน: การประพฤติตามสิ่งที่พระคัมภีร์สอนเป็นการแสดงความเคารพต่อพระเจ้า

18.  การนมัสการด้วยความจริงใจ: การเข้ามาหาพระเจ้าด้วยจิตใจที่เปิดเผยและซื่อสัตย์

19.  การถ่อมใจต่อหน้าพระเจ้า: การยอมรับว่าเราเป็นเพียงผู้รับและพระองค์ทรงเป็นผู้ให้

20.  การให้เกียรติพระนามของพระเจ้า: การดำเนินชีวิตที่ไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่พระนามของพระองค์

21.  การรักความยุติธรรม: พระเจ้าทรงรักความยุติธรรม และเราควรดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรม

22.  การหลีกเลี่ยงความชั่ว: การหันหลังให้กับความบาปและสิ่งที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า

23.  การแสวงหาพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ: การให้ความสำคัญกับการเข้าใกล้ชิดพระองค์ในทุกวัน

24.  การแบ่งปันพระพรกับผู้อื่น: การใช้สิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้าเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

25.  การเป็นพยานถึงพระคุณของพระเจ้า: การบอกเล่าถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของเรา

26.  การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับพระเจ้า: การรักษาความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ให้แน่นแฟ้น

27.  การเรียนรู้จากคำตักเตือน: การเปิดใจรับฟังและนำคำแนะนำจากพระวจนะมาปรับปรุงชีวิต

28.  การไม่ประมาทในการทำบาป: การตระหนักว่าบาปทุกอย่างมีผลกระทบ

29.  การมีความยำเกรงพระเจ้า: การเคารพและเกรงกลัวพระองค์ด้วยใจจริง

30.  การไว้วางใจในพระปัญญาของพระเจ้า: การเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงทราบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา

31.  การมีความหวังในพระเจ้า: การตั้งความหวังของเราไว้ในพระองค์ผู้ไม่เคยผิดสัญญา

32.  การสรรเสริญพระเจ้าในทุกสถานการณ์: การขอบคุณพระองค์ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี

33.  การแสวงหาการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์: การพึ่งพาพระวิญญาณในการตัดสินใจและดำเนินชีวิต

34.  การสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ: การร่วมกันนมัสการและสนับสนุนซึ่งกันและกันในความเชื่อ

35.  การให้อภัยผู้อื่น: การแสดงความเมตตาและยกโทษให้กับคนที่ทำผิดต่อเรา

36.  การมีความอดทน: การรอคอยและไว้วางใจในเวลาของพระเจ้า

37.  การมีความเมตตาและเห็นอกเห็นใจ: การใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น

38.  การดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพอ่อนโยน: การไม่โอ้อวดหรือยกตนข่มท่าน

39.  การมีความซื่อสัตย์และจริงใจ: การพูดความจริงและประพฤติอย่างตรงไปตรงมา

40.  การควบคุมตนเอง: การมีวินัยในการจัดการความคิด คำพูด และการกระทำ

41.  การให้เกียรติผู้อื่น: การแสดงความเคารพต่อทุกคนไม่ว่าสถานะใด

42.  การทำงานหนักด้วยความขยันหมั่นเพียร: การใช้ความสามารถที่เรามีให้เกิดประโยชน์

43.  การดูแลรักษาสิ่งที่พระเจ้าสร้าง: การตระหนักถึงความรับผิดชอบในการดูแลโลกนี้

44.  การมีสันติสุขในใจ: การแสวงหาสันติสุขที่มาจากพระเจ้า

45.  การเป็นแสงสว่างและเกลือของโลก: การดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น

46.  การประกาศข่าวประเสริฐ: การแบ่งปันความรักและพระคุณของพระเจ้ากับคนรอบข้าง

47.  การอธิษฐานเผื่อผู้อื่น: การทูลขอพระพรและความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อคนอื่นๆ

48.  การเติบโตในความเชื่ออย่างต่อเนื่อง: การเรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าอยู่เสมอ

49.  การรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์: การมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังในการเสด็จมาของพระองค์

50.  การดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกด้าน: ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดคือการนำสง่าราศีมาสู่พระองค์

หวังว่า 50 ข้อคิดและหลักการเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตของพี่น้องให้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นนะครับ