เรื่องย่อ
ความมั่นคงในพระเจ้าเป็นสมบัติอันล้ำค่าในยามที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรค สดุดี 57 เน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นว่าพระเจ้ายังคงเป็นป้อมปราการที่ปลอดภัยและให้ความคุ้มครองอย่างแน่วแน่ แม้ในช่วงเวลาที่โลกหมุนไปด้วยความไม่แน่นอน ความไว้วางใจในพระองค์ช่วยให้เราเดินหน้าอย่างมั่นใจและไม่หวั่นไหว พระธรรมเหล่านี้สอนให้เราระลึกถึงความเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่ยึดมั่นในพระเจ้าที่เป็นที่พึ่งสูงสุดในทุกสถานการณ์ เป็นกำลังใจให้เราค้นพบความสงบและความมั่นใจแม้ในช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดของชีวิต
วันนี้เราเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของชีวิตดาวิดแล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะย้อนมองเห็นความสำคัญของการที่เขาได้บันทึกไว้ในเพลงสดุดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความเชื่อมั่นในพระเจ้าไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ดีหรือร้าย เช่นเดียวกับสดุดีบทที่ 22, 23 และ 57 ที่สะท้อนถึงความไว้วางใจและการอธิษฐานในพระเจ้าของดาวิดอย่างลึกซึ้ง พระองค์ไม่ได้นำตนเองขึ้นสู่ความเข้มแข็งโดยตนเอง แต่มุ่งพึ่งพาพระเจ้าเป็นหลักฐานของความสัตย์ซื่อและความเมตตาของพระองค์ต่อเราเสมอ
ในบทที่ 23 ดาวิดแสดงให้เห็นถึงความถ่อมตัวในฐานะบุตรของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกเขาขึ้นและทรงเจิมเขาเป็นกษัตริย์ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกความสำเร็จเกิดจากพระคุณและพันธสัญญาของพระเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถของเขาเอง และสิ่งที่เขาทำได้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพระเจ้าอย่างชัดเจน ช่วงเวลาที่เขามีชัยชนะและความกล้าหาญ คืองานสำคัญของพระเจ้าในการสร้างกษัตริย์ผู้ทรงเกรงกลัวพระองค์
สุดท้ายนี้ สดุดี 57 สอนให้เรามองเห็นความสำคัญของความไว้วางใจในพระเจ้าแม้ในเวลาที่ยากลำบาก เช่นเวลาที่ดาวิดอยู่ในถ้ำและหนีจากซาอูล เขาได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าคือผู้ปลดปล่อยและดูแลเขาเสมอ แม้ในช่วงที่เขาถามว่าข้าแต่พระเจ้า อีกนานเท่าใด เขายังคงเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงทำงานเพื่อให้แผนของพระองค์สำเร็จ การเดินทางของดาวิดแสดงให้เราเห็นว่าความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้าสามารถนำเราให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ด้วยความเชื่อมั่นในความดีและความยุติธรรมของพระองค์ที่ดำรงอยู่เสมอ
ข้อคิด: 2 ซามูเอล 22-23; สดุดี 57
ใน 2 ซามูเอล 22:36 ดาวิดกล่าวว่า "ความอ่อนโยนของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งใหญ่" ความอ่อนโยนของพระเจ้าไม่ได้รับการนำเสนอมากนัก แต่ดาวิดกล่าวว่ามันสอดคล้องโดยตรงกับสิ่งที่ทำให้เขาเกิดผลในชีวิต ดาวิดได้รับความอ่อนโยนของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิธีที่พระเจ้าแสดงความเมตตาต่อเขาแม้ว่าเขาจะทำบาป และดาวิดยังแสดงความอ่อนโยนของพระเจ้าด้วย เขาไม่ได้กดขี่อำนาจหรือตำแหน่งของตนเหนือผู้อื่น เขาละเว้นชีวิตของซาอูล เขาดูแลเมฟิโบเชท เขายกโทษให้ศัตรูของเขา นี่คือสิ่งที่ความอ่อนโยนเป็นความอ่อนโยนไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นความแข็งแกร่งที่ได้รับการฝึกฝนด้วยความถ่อมตน และมันแสดงออกมาในตัวดาวิดในรูปแบบของความอ่อนโยน การที่พระเจ้าเองแสดงความอ่อนโยนนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและน่าจดจำ พระเจ้าทรงอ่อนโยนกับเรา และพระองค์คือที่ที่ความปีติยินดีอยู่!
คำถาม
1. ในพระคัมภีร์ 2 ซามูเอล 22-23 ซึ่งเป็นบทเพลงของดาวิดที่แสดงความไว้วางใจในพระเจ้า เราจะสามารถประยุกต์แนวคิดเรื่องความเชื่อและการพึ่งพาพระเจ้าในสถานการณ์ความยากลำบากของครอบครัวและคริสตจักรในปัจจุบันได้อย่างไร?
2. สดุดี 57 เป็นบทเพลงที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในพระเจ้าในช่วงเวลาที่ผู้เขียนประสบกับอันตรายและความทุกข์ ความเข้าใจในเนื้อหานี้สามารถสนับสนุนและเสริมสร้างความสามัคคีและความไว้วางใจในพระเจ้าในชุมชนคริสตจักรและในครอบครัวได้อย่างไร?
สดุดีบทที่ 57 เป็นบทเพลงสรรเสริญของกษัตริย์ดาวิดที่แต่งขึ้นในยามที่พระองค์กำลังเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจากกษัตริย์ซาอูลและต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ (1 ซามูเอล 22:1-2) แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่มืดมิดและอันตรายถึงชีวิต แต่ดาวิดก็ยังคงแสดงความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างไม่คลอนแคลน บทเพลงนี้เต็มไปด้วยการร้องขอความเมตตา การประกาศความเชื่อมั่น และการสรรเสริญพระเจ้าอย่างเต็มกำลัง
ข้อคิดสำคัญจากสดุดี 57
- ที่ลี้ภัยในพระเจ้า (ข้อ 1): ดาวิดเริ่มต้นด้วยการร้องขอความเมตตาและประกาศว่าจิตวิญญาณของเขา "ลี้ภัยอยู่ในพระองค์" และ "จะลี้ภัยใต้ร่มปีกของพระองค์ จนกว่าภัยอันตรายจะผ่านพ้นไป" นี่คือภาพของนกตัวเล็กที่หาที่กำบังใต้ปีกแม่เมื่อเผชิญอันตราย
- ข้อคิด: เมื่อเผชิญความทุกข์ยากหรือความกลัว สิ่งแรกที่เราควรทำคือหันเข้าหาพระเจ้า แสวงหาการปกป้องและพักพิงในพระองค์ ไม่ใช่พยายามดิ้นรนหาทางออกด้วยกำลังของตนเอง แต่เชื่อว่าพระองค์จะทรงเป็นที่พึ่งพิงที่ปลอดภัยที่สุด
- ความมั่นใจในพระเจ้าผู้ทรงกระทำสำเร็จ (ข้อ 2-3): ดาวิดร้องทูล "ต่อพระเจ้าผู้สูงสุด ต่อพระเจ้าผู้ทรงทำการให้สำเร็จเพื่อข้าพเจ้า" และเชื่อว่าพระองค์จะ "ทรงส่งความช่วยเหลือมาจากฟ้าสวรรค์และช่วยข้าพเจ้าให้รอด"
- ข้อคิด: แม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง แต่เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับชีวิตของเรา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และจะทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ให้สำเร็จเสมอ เราจึงสามารถอธิษฐานด้วยความเชื่อว่าพระองค์จะทรงช่วยกู้และประทานทางออก
- การสรรเสริญท่ามกลางความทุกข์ยาก (ข้อ 4-5, 7-11): แม้จะถูกล้อมรอบด้วยศัตรูที่เหมือนสิงโตและลิ้นที่เหมือนดาบคม (การกล่าวร้าย) ดาวิดก็ยังคงประกาศว่า "ใจของข้าพระองค์มั่นคง ใจของข้าพระองค์มั่นคง ข้าพระองค์จะร้องเพลง ข้าพระองค์จะเล่นดนตรีสดุดี" และ "จะปลุกรุ่งอรุณ" เพื่อสรรเสริญพระเจ้า
- ข้อคิด: นี่คือหัวใจสำคัญของบทเพลงนี้ การสรรเสริญพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในยามสุขสบาย แต่สามารถทำได้แม้ในห้วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด การเลือกที่จะสรรเสริญพระเจ้าเป็นการแสดงออกถึงความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหนือสถานการณ์ใดๆ และพระสิริของพระองค์สมควรได้รับการยกย่องทั่วทั้งแผ่นดินโลก
- ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระเจ้า (ข้อ 3, 10): ดาวิดย้ำถึงคุณลักษณะของพระเจ้าคือ "ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์" ที่ "ใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์" และ "สูงถึงเมฆ"
- ข้อคิด: คุณลักษณะของพระเจ้าเป็นรากฐานของความหวังและกำลังใจของเรา พระองค์ทรงรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไขและทรงรักษาสัญญาเสมอ การระลึกถึงความรักและความซื่อสัตย์ของพระองค์ช่วยให้เราผ่านพ้นความกลัวและความไม่แน่นอนไปได้
สดุดี 57 สอนเราว่า แม้ใน "ถ้ำ" แห่งความทุกข์ยาก เราก็ยังสามารถพบสันติสุข ความมั่นคง และสามารถเปล่งเสียงสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างแท้จริง เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและผู้ทรงกระทำสำเร็จเพื่อเรา