Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 95

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 97

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 98

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 99

เรื่องย่อ

ความเชื่อมั่นในพระเจ้าคือเสียงสะท้อนของความหวังและความมั่นคงในใจ สดุดีเหล่านี้เตือนเราว่า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจและความยุติธรรมจะดำรงอยู่ตลอดกาล ความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของพระองค์เป็นสิ่งที่ควรดำเนินชีวิตด้วยความเคารพและศรัทธา ทำให้เราพบความสุขและความสงบในความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะนำพาให้เราผ่านพ้นความทุกข์และความวุ่นวายไปสู่ความสุขและความสมบูรณ์ในพระองค์ สดุดีเหล่านี้จึงเป็นคำเตือนและกำลังใจให้เรายืนหยัดในความศรัทธาและความยำเกรงในพระเจ้าอย่างแน่วแน่ในทุกช่วงเวลาของชีวิต

 

สดุดี 95 เริ่มต้นด้วยการเชิญชวนให้เราร่วมกันสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่เพียงทรงยิ่งใหญ่ในโลกตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังทรงยิ่งใหญ่ในโลกแห่งวิญญาณด้วย พระองค์คู่ควรแก่การนมัสการอย่างสุดซึ้ง โดยเฉพาะในฐานะพระผู้สร้างและพระเลี้ยงดูของเรา ข้อความนี้เน้นให้เราตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเรากับพระเจ้า ทั้งในฐานะที่พระองค์เป็นผู้สร้างและเป็นพระเลี้ยงพระองค์ทรงเรียกร้องให้เราแสดงความถ่อมตัวและเคารพบูชาอย่างจริงใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เน้นความใกล้ชิดและความห่วงใยของพระองค์ที่ทรงดูแลและเลี้ยงดูเราอย่างอ่อนโยน ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่เราควรระลึกเสมอ เพื่อให้หัวใจของเรามีความรู้สึกซาบซึ้งและเปิดใจรับพระองค์อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม พระธรรมสดุดีเตือนให้เราระวังอย่าให้ใจแข็งกระด้างต่อความจริงนี้ โดยเฉพาะชาวอิสราเอลในยุคของสดุดีที่ไม่สามารถเข้าใจและสัมผัสความงดงามของความสัมพันธ์เช่นนี้ได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะใจไม่เปิดรับหรือหลงลืมพระคุณของพระเจ้า ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะต้องทบทวนและปรับใจให้เปิดกว้างต่อพระองค์ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการสัมผัสความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความสงบและการฟื้นฟู ซึ่งเป็นหัวใจของความเชื่อและการนมัสการอย่างแท้จริง

สุดท้าย สดุดี 97 ยังเน้นย้ำถึงอำนาจสูงสุดของพระเจ้าเหนือทุกสิ่ง ด้วยภาพที่ทรงพลังของพระองค์เป็นพายุฝนฟ้าคะนองและฟ้าแลบที่เผาผลาญศัตรู ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่และความสามารถในฐานะกษัตริย์ ผู้ทรงปกครองและทำลายอำนาจของความชั่วร้าย ข้อความนี้สร้างความเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่และความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า ในขณะเดียวกันก็เรียกรวมใจของผู้เชื่อให้ชื่นชมและยำเกรงพระองค์อย่างจริงจัง ร้องเพลงสรรเสริญด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอำนาจและเมตตา ซึ่งจะนำมาซึ่งความหวังและความแน่วแน่ในความเชื่อของเราต่อพระเจ้าในทุกยุคทุกสมัย

 

ข้อคิด: สดุดี 95; 97-99

สดุดี 97:11 กล่าวว่า “ความสว่างได้หว่านลงสำหรับคนชอบธรรม และความยินดีได้หว่านลงสำหรับคนใจเที่ยงธรรม” คุณอาจสงสัยว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหนในประโยคนี้ พระองค์ไม่เคยตรัสถึงการประทับของพระองค์ แต่เป็นการบอกเป็นนัยอย่างสวยงาม คุณคิดว่าใครเป็นผู้หว่าน? พระองค์คือพระองค์! พระองค์ทรงหว่านแสงสว่างและความยินดีให้กับคนใจเที่ยงธรรม! หากคุณอยู่ในฤดูมืด แสงสว่างและความยินดีอาจยังไม่บาน แต่พระเจ้าทรงปลูกมันไว้ บางครั้งสิ่งที่ปลูกต้องใช้เวลาสักพักจึงจะเติบโตและออกผล แต่เชื่อเถิดว่าพระองค์ได้ทรงหว่านมันไว้สำหรับคุณโดยพระหัตถ์ของพระองค์ ขอให้แสงสว่างของพระองค์ส่องลงมายังคุณ เพื่อที่คุณจะสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า “พระองค์เป็นที่ซึ่งความยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   สดุดี 95 เชิญชวนให้เราร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าและฟังเสียงของพระองค์ในชีวิตประจำวัน คุณคิดว่าสิ่งใดคือวิธีที่ครอบครัวและคริสตจักรสามารถสร้างบรรยากาศที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงความเคารพและเงยมองพระเจ้าในทุกๆ วัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระเจ้าและกันและกัน?

2.   สดุดี 97-99 เน้นความยืนหยัดในความศักดิ์สิทธิ์และความยุติธรรมของพระเจ้า ในบริบทของชีวิตครอบครัวและคริสตจักร คุณคิดว่าเราสามารถแสดงความเชื่อและความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอย่างไร เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและส่งเสริมความยุติธรรมและความสงบสุขในสังคมรอบตัวเรา?

 

 

สดุดี 95 เป็นบทเพลงสรรเสริญและเชิญชวนให้ประชาชนนมัสการพระเจ้าผู้ทรงสร้างและเป็นผู้เลี้ยงดูพวกเขา บทเพลงนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ การเชิญชวนให้นมัสการด้วยความชื่นชมยินดี (ข้อ 1-7ก) และ คำเตือนไม่ให้ดื้อรั้นเหมือนชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร (ข้อ 7ข-11)

ข้อคิดสำคัญจากสดุดี 95

  • พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการนมัสการ (ข้อ 1-5): บทเพลงเริ่มต้นด้วยการเชิญชวนให้เรามา "ร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์" และ "เปล่งเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นบานแด่ศิลาแห่งความรอดของเรา" เหตุผลคือพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งปวง ผู้ทรงสร้างโลกและทุกสิ่งในโลกนี้ รวมถึงทะเลและแผ่นดินแห้งด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
    • ข้อคิด: การนมัสการไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ แต่เป็น การตอบสนองต่อความยิ่งใหญ่และฤทธานุภาพของพระเจ้า เมื่อเราตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างและผู้ทรงฤทธิ์ เราจะถูกนำไปสู่การสรรเสริญด้วยความเคารพและชื่นชมยินดี
  • พระเจ้าผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงดูของเรา (ข้อ 6-7ก): บทเพลงเชิญชวนให้เรา "มาเถิด ให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าต่อพระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างเรา" เพราะ "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรของทุ่งหญ้าของพระองค์ และแกะในพระหัตถ์ของพระองค์"
    • ข้อคิด: ภาพลักษณ์ของพระเจ้าในฐานะผู้เลี้ยงดูและเราในฐานะฝูงแกะของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพึ่งพาอาศัยกัน พระองค์ทรงจัดเตรียม ดูแล และนำทางเรา การนมัสการจึงเป็นการยอมรับบทบาทของพระองค์ในชีวิตของเราและวางใจในการดูแลของพระองค์
  • คำเตือนเรื่องความดื้อรั้นและการไม่เชื่อฟัง (ข้อ 7ข-11): ส่วนนี้เปลี่ยนจากคำเชิญชวนมาเป็นการเตือนที่หนักแน่น โดยยกตัวอย่างชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารที่ ทดลองพระเจ้าและทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ ที่เมรีบาห์และมัสสา พวกเขาไม่เชื่อฟังและไม่เข้าใจวิถีทางของพระองค์ ทำให้พระองค์ทรงสาบานว่าจะไม่ให้พวกเขาเข้าสู่การพักผ่อนของพระองค์
    • ข้อคิด: การนมัสการที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับการ เชื่อฟังและการวางใจ ในพระเจ้า ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเป็นบทเรียนที่สำคัญว่าการมีความรู้เรื่องพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังหรือไม่วางใจในพระองค์จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย การละเลยเสียงของพระเจ้าในวันนี้อาจนำไปสู่การพลาดพรและพระพรที่พระองค์เตรียมไว้

สดุดี 95 เป็นบทเพลงที่เตือนใจเราถึงความสำคัญของการนมัสการที่มาจากใจจริง การเชื่อฟัง และการวางใจในพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และผู้ทรงดูแลเราอย่างไม่หยุดหย่อน