Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศ์กษัตริย์ 1

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศ์กษัตริย์ 2

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 37

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 71

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 94

เรื่องย่อ

ในพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ 1-2 เราได้เห็นความอ่อนแอและความเชื่อมั่นในพระเจ้าของดาวิดในยามแก่เฒ่า เขายอมรับความจริงของความเปลี่ยนแปลงและความอ่อนแอ พร้อมทั้งวอนขอพระเจ้าให้ดูแลครอบครัวและอนาคตของอิสราเอลด้วยความหวังและความเชื่อมั่น ในสดุดี 37, 71 และ 94 เราได้เรียนรู้ว่าความเชื่อในพระเจ้าไม่สิ้นสุด แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและความผิดหวัง ความหวังและความเชื่อมั่นในความยุติธรรมของพระองค์จะนำเราไปสู่ความสุขและความรอด พระเจ้าทรงเป็นที่พึ่งและความหวังที่ไม่เปลี่ยนแปลง การวางใจในพระองค์จะนำพาชีวิตของเราให้เจริญเติบโตและได้ความสุขอย่างแท้จริงในทุกสภาพการณ์

 

ดาวิดในอายุที่มากขึ้นมีอาการไหลเวียนโลหิตไม่ดี และในการดูแลพระองค์ ก็มีผู้หญิงมาช่วยให้เขาอบอุ่น ซึ่งในพระคัมภีร์ไม่มีข้อมูลที่บ่งบอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ดี แม้จะอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจบ้างก็ตาม แต่สิ่งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตในเวลานั้นเท่านั้น สำหรับสถานการณ์ในพงศาวดาร ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าดาวิดใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว และลูกชายที่มีสิทธิสืบทอดตำแหน่งอย่างซาโลมอนก็ยังไม่ได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์ในตอนนี้

ในขณะเดียวกัน อาโดนียาห์ ลูกชายคนโตพยายามประกาศตัวเป็นกษัตริย์ โดยขี่ม้าและรถศึกไปทั่วเมือง พร้อมทั้งถวายเครื่องบูชาแบบเปิดเผย เขายังเชิญคนที่ไม่ขัดแย้งกับเขาเท่านั้นเข้าร่วมกลุ่ม ซึ่งหลายคนรู้ว่าพระเจ้าทรงเลือกซาโลมอนเป็นกษัตริย์แล้ว จนสุดท้าย นาธานและบัทเชบาโน้มน้าวให้ดาวิดยืนยันเจิมซาโลมอนเป็นกษัตริย์ แต่ถ้าดาวิดไม่ทำ อาโดนียาห์อาจทำร้ายโซโลมอนรวมถึงกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยก็ได้

ตอนที่ดาวิดใกล้จะสิ้นพระชนม์ เขาให้คำสั่งแก่โซโลมอนให้รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ก็เปลี่ยนใจเตือนให้เขาแก้แค้นศัตรูของเขา รวมถึงคนที่เคยสาปแช่งเขา แต่ดาวิดก็แสดงให้เห็นว่าการแก้แค้นเป็นเรื่องที่เขายังไม่สามารถละเว้นได้ ส่วนในตอนสุดท้าย เขายืนยันให้โซโลมอนทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และฆ่าโยอาบกับชิเมอี ตามที่พระเจ้าทรงสั่ง ซึ่งในทางเทคนิคก็เป็นการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ความชั่วร้ายของโซโลมอนที่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้า เพราะเขาทำตามสิ่งที่ถูกต้องตามพระเจ้าและความเชื่อของเขานั่นเอง

 

ข้อคิด: 1 พงศ์กษัตริย์ 1-2; สดุดี 37; 71; 94

คำพูดของดาวิดในวันนี้บนเตียงที่รอความตายอาจทำให้เรารู้สึกตึงเครียดและตั้งคำถามเกี่ยวกับความเกลียดชังและบาปในใจของเขา แต่จุดมุ่งหมายของเราไม่ใช่เพื่อค้นหาว่าเขาเป็นใคร แต่เพื่อเข้าใจว่าพระเจ้าเป็นใครและพระองค์ทรงเป็นอย่างไร สิ่งนี้สอนให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงเมตตาและพระคุณอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ในบาปที่ดูเหมือนจะทำลายทุกสิ่ง พระเจ้าก็ยังเปิดโอกาสให้อภัยและให้ความหวังกับลูกของพระองค์ตามฮีบรู 11:1–12:2 ซึ่งบอกว่า ดาวิดเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษแห่งความเชื่อ และความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการเชื่อในพระเจ้าที่สามารถปกป้องและให้การอภัยแก่บาปทุกประเภท ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต บาปที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ถูกพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ปกคลุม สุดท้าย พระเจ้าทรงอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีและความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถยึดมั่นได้เสมอ

 

คำถาม

1.   จากบทเรียนใน 1 พงศ์กษัตริย์ 1-2 เกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความไว้วางใจในพระเจ้าในการนำพาชีวิตและตำแหน่งหน้าที่ พระคัมภีร์สอนให้เราเชื่อใจในพระเจ้าที่จะให้คำแนะนำและคุ้มครองในสถานการณ์ที่ซับซ้อนอย่างไร?

2.   สดุดี 37, 71, 94 เน้นความเชื่อมั่นในพระเจ้าในช่วงเวลาที่เผชิญกับความยากลำบาก ความทุกข์ และความอยุติธรรม พระคัมภีร์ชี้ให้เราเห็นถึงวิธีการไว้ใจพระเจ้าและการรอคอยพระองค์ในชีวิตประจำวันอย่างไร?

 

 

สดุดี 37 เป็นบทเพลงสอนใจที่ให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมและวางใจในพระเจ้า ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความอยุติธรรม เป็นบทเพลงที่ดาวิดเขียนขึ้นโดยใช้รูปแบบสลับคำสอนจาก "ผู้ชอบธรรม" และ "คนอธรรม" เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ของชีวิตทั้งสองประเภท


ข้อคิดสำคัญจากสดุดี 37

1.   อย่าท้อแท้หรืออิจฉาคนชั่ว: บทเพลงเริ่มต้นด้วยการกำชับว่า "อย่ากระสับกระส่ายเพราะคนทำชั่ว อย่าอิจฉาคนทำความชั่ว" (สดุดี 37:1) และ "เพราะพวกเขาจะเหี่ยวแห้งไปอย่างหญ้าในไม่ช้า และจะร่วงโรยไปเหมือนพืชสด" (สดุดี 37:2) ข้อนี้สอนให้เรา อย่าให้ความสำเร็จชั่วคราวของคนอธรรมทำให้เราหวั่นไหว เพราะความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาเป็นเพียงชั่วคราว

2.   วางใจในพระเจ้าและทำความดี: "จงวางใจในพระยาห์เวห์และกระทำความดี" (สดุดี 37:3) นี่คือหัวใจสำคัญของบทเพลง การวางใจในพระเจ้าไม่ใช่แค่การรอคอย แต่เป็นการ แสดงออกด้วยการกระทำความดี และใช้ชีวิตอย่างสัตย์ซื่อ

3.   ปีติยินดีในพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์จะประทานตามใจปรารถนา: "จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของเจ้า" (สดุดี 37:4) การปีติยินดีในพระเจ้าคือการชื่นชมในพระองค์และในความสัมพันธ์กับพระองค์ เมื่อเราทำเช่นนั้น ความปรารถนาในใจของเราจะสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า และพระองค์จะประทานให้

4.   มอบทางของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์: "จงมอบทางของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ วางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ" (สดุดี 37:5) นี่คือการ มอบการควบคุมชีวิตและแผนการของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า โดยวางใจว่าพระองค์จะทรงนำทางและทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการอันสมบูรณ์แบบของพระองค์

5.   ความอดทนและการรอคอย: "จงนิ่งอยู่ต่อพระยาห์เวห์และรอคอยพระองค์ด้วยความอดทน" (สดุดี 37:7) ในโลกที่เร่งรีบและต้องการผลลัพธ์ทันที บทเพลงนี้สอนให้เรา ฝึกความอดทนและรอคอยเวลาของพระเจ้า ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดเสมอ

6.   คนชอบธรรมจะได้รับมรดกแผ่นดินโลก: ข้อนี้เป็นข้อความที่ปรากฏซ้ำๆ กันในบทเพลงนี้ (สดุดี 37:9, 11, 22, 29, 34) เป็นคำสัญญาว่า ผู้ที่สัตย์ซื่อและดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้าจะได้รับพระพรและความมั่นคง ในที่สุด พวกเขาจะได้รับมรดก ซึ่งอาจหมายถึงการได้รับพระพรในชีวิตนี้และในอนาคตนิรันดร์

7.   พระเจ้าทรงทราบวิถีชีวิตของคนชอบธรรม: "พระยาห์เวห์ทรงทราบวันเวลาของคนไร้ที่ติ" (สดุดี 37:18) แม้คนอธรรมจะดูเหมือนเจริญรุ่งเรือง แต่พระเจ้าทรงรู้จักและดูแลผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม พระองค์ทรงเป็นผู้พยุงและปกป้องพวกเขา (สดุดี 37:23-24)

8.   จุดจบของคนชั่ว: บทเพลงนี้ย้ำเตือนว่าคนชั่วร้ายจะถูกตัดขาดและไม่มีบุตรสืบสกุล ในขณะที่คนชอบธรรมจะรอดพ้น (สดุดี 37:28, 38) นี่เป็นการยืนยันถึง ความยุติธรรมของพระเจ้า ที่จะเกิดขึ้นในที่สุด

หลักการนำมาใช้ดำเนินชีวิต

  • อย่าเปรียบเทียบชีวิตตนเองกับผู้อื่น โดยเฉพาะคนชั่ว: สิ่งล่อใจที่ใหญ่ที่สุดคือการมองดูความสำเร็จชั่วคราวของคนที่ไม่เดินในทางพระเจ้า จงโฟกัสที่การดำเนินชีวิตของคุณเองกับพระเจ้า
  • สร้างรากฐานชีวิตบนความวางใจและทำความดี: จงให้ความวางใจในพระเจ้าเป็นเข็มทิศนำทาง และให้การทำความดีเป็นผลลัพธ์ของความเชื่อของคุณ
  • แสวงหาความสุขในพระเจ้าเป็นอันดับแรก: เมื่อความชื่นชมยินดีของคุณอยู่ในพระเจ้าอย่างแท้จริง พระประสงค์ของพระองค์ก็จะกลายเป็นความปรารถนาของคุณ และพระองค์จะทรงจัดเตรียมให้
  • มอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า: เมื่อมีเรื่องที่กังวลใจ แผนการ หรือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ จงมอบถวายสิ่งเหล่านั้นแด่พระเจ้า และเชื่อว่าพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จตามเวลาและวิธีของพระองค์
  • ฝึกความอดทนและรอคอยเวลาของพระเจ้า: การรอคอยอาจเป็นเรื่องยาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะได้เห็นแผนการอันสมบูรณ์ของพระเจ้า จงอดทนและวางใจในเวลาของพระองค์
  • ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงและชอบธรรม: บทเพลงนี้สัญญาถึงพระพรสำหรับผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงความมั่นคง สันติสุข และการได้รับมรดก ไม่เพียงแต่ในชีวิตนี้ แต่ยังรวมถึงชีวิตนิรันดร์ด้วย
  • เชื่อในความยุติธรรมของพระเจ้า: แม้บางครั้งเราจะไม่เห็นความยุติธรรมในโลกนี้ในทันที แต่จงเชื่อว่าพระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง และในที่สุดพระองค์จะทรงจัดการกับความชั่วร้ายและประทานความชอบธรรมให้แก่ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระองค์

สดุดี 37 เป็นบทเพลงแห่งความหวังและกำลังใจสำหรับผู้ที่พยายามดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้า ท่ามกลางความท้าทายและความอยุติธรรมในโลกนี้ มันสอนให้เราวางใจในพระเจ้าอย่างไม่คลอนแคลน และเชื่อในพระสัญญาของพระองค์ที่ว่า "แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ"