เรื่องย่อ
ใน 2 พงศาวดาร บทที่ 6-7, กษัตริย์ซาโลมอนทรงอธิษฐานอย่างจริงจังในระหว่างการอุทิศพระวิหารในเยรูซาเล็ม ทรงขอให้พระเจ้าทรงรับฟังคำอธิษฐานของผู้คนของพระองค์และให้อภัยพวกเขาเมื่อพวกเขากลับใจจากความบาป จากนั้นพระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนและทรงรับรองว่าพระองค์ได้ยินคำอธิษฐานของเขาและจะสถิตอยู่ในพระวิหาร หากผู้คนของพระองค์ถ่อมใจลง อธิษฐาน และแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์ พระองค์จะทรงให้อภัยบาปของพวกเขาและรักษาแผ่นดินของพวกเขา ในสดุดี 136 เป็นบทเพลงสรรเสริญที่เน้นย้ำถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ดำรงอยู่เป็นนิตย์ โดยให้เหตุผลหลายประการว่าทำไมพระเจ้าจึงควรได้รับการขอบพระคุณ ทั้งจากการทรงสร้าง การปลดปล่อยอิสราเอล และการจัดเตรียมอย่างต่อเนื่อง
เรื่องราวของซาโลมอนสอนเราว่าบางครั้งพระเจ้าอาจปฏิเสธแม้แต่ความปรารถนาดีที่สุดของเรา เช่นเดียวกับที่พระองค์ตรัสกับดาวิดว่าเขาจะไม่สร้างพระวิหาร แม้ว่าดาวิดจะมีความปรารถนาดีก็ตาม การปฏิเสธนี้ไม่ได้หมายความว่าความปรารถนานั้นเป็นบาป แต่เป็นการยืนยันว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีที่สุดสำหรับเรา และเราสามารถวางใจในการตัดสินใจของพระองค์ได้ นอกจากนี้ เรายังเรียนรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้ว่าผู้คนจะอธิษฐานต่อพระวิหาร แต่พระเจ้าทรงสดับฟังจากสวรรค์ ซึ่งเน้นย้ำว่าพระองค์ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งและแตกต่างจากเทพเจ้าอื่นๆ ที่ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
เมื่อพระเจ้าทรงส่งไฟลงมาเผาผลาญเครื่องบูชาของซาโลมอน ผู้คนก็สรรเสริญพระองค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงยอมรับเครื่องบูชานั้น ไม่ใช่เป็นการลงโทษ นอกจากนี้ เรายังต้องเข้าใจถึงมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระพรของพระเจ้า ดังที่พระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงส่งฝนลงมาบนคนดีและคนชั่ว ซึ่งหมายความว่าพระองค์ทรงขยายความดีและความเอื้อเฟื้อของพระองค์ไปยังทุกคน ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ชอบธรรมเท่านั้น นี่คือพระคุณทั่วไปที่มนุษย์ทุกคนได้รับ เช่น การหายใจ การสัมผัสแสงแดด และการกินอาหาร
หลังจากงานเลี้ยงฉลองการอุทิศพระวิหาร พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนและทรงเตือนเขาว่าชาวอิสราเอลจะกบฏและพระองค์จะส่งการลงโทษต่างๆ มายังพวกเขา อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์ไว้ หากพวกเขากลับใจและหันมาหาพระองค์ แม้ว่าเราต้องระมัดระวังในการนำพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับอิสราเอลมาใช้กับชาติของเราโดยตรง แต่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะนิสัยของพระเจ้าได้จากข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงพร้อมที่จะอภัยและอวยพรผู้ที่กลับมาหาพระองค์ สดุดี 136 ยังย้ำถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ดำรงอยู่เป็นนิตย์ และเหตุผลต่างๆ ที่เราควรสรรเสริญพระองค์
ข้อคิด: 2 พงศาวดาร 6-7; สดุดี 136
วันนี้ซาโลมอนกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดที่ไม่ทำบาป” (2 พงศาวดาร 6:36) ซึ่งสะท้อนให้เห็นข้อพระคัมภีร์อื่นๆ: “ไม่มีผู้ใดที่ทำดี ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว” (สดุดี 14:3) และ “ทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” (โรม 3:23) ซาโลมอนกล่าวประโยคนี้ในพิธีอุทิศพระวิหารของพระเจ้า และพระเจ้าเสด็จมาประทับที่นั่น พระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ด้วยอานุภาพมากจนแม้แต่ปุโรหิตท่ามกลางพวกเขาก็ยังยืนหยัดไม่ได้ ความจริงที่ว่ามนุษย์ทุกคนที่พระเจ้าสร้างขึ้นเกิดมาและจะเกิดมาในความตกต่ำ แตกสลายตั้งแต่แรกเริ่มและถูกทำบาป แสดงให้เราเห็นว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งเพียงใดที่พระเจ้าเสด็จลงมาเพื่อมาอยู่กับเรา เพื่อรวมเอาการประทับที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ไว้ท่ามกลางความชั่วร้ายของเรา พระองค์อยู่ที่นี่ และพระองค์จะไม่ไปไหน พระองค์อยู่ที่ซึ่งความปีติยินดีอยู่!
คำถาม
1. 2 พงศาวดาร 7 กล่าวถึงการที่พระเจ้าทรงรับฟังคำอธิษฐานและการกลับใจของประชาชน และทรงสัญญาว่าจะรักษาแผ่นดินของพวกเขา ในสังคมปัจจุบันที่เผชิญกับความท้าทายมากมาย (เช่น ความขัดแย้ง ความไม่เท่าเทียม ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม) เราจะนำหลักการนี้มาปรับใช้ได้อย่างไร?
2. สดุดี 136 ย้ำถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ดำรงอยู่เป็นนิตย์ ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความทุกข์ยาก เราจะรักษาความเชื่อมั่นในความรักมั่นคงของพระเจ้าได้อย่างไร? เราจะแสดงความขอบคุณต่อความรักของพระเจ้าในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?
บทบาทของ 2 พงศาวดาร 6-7 ถือเป็นจุดสูงสุดของยุคโซโลมอนในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม โดยเน้นไปที่การถวายพระวิหารที่ยิ่งใหญ่และคำอธิษฐานอันทรงพลังของโซโลมอน รวมถึงการตอบสนองของพระเจ้า บทเรียนสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากสองบทนี้คือ:
1. ความสำคัญของสถานที่สำหรับการนมัสการพระเจ้า
- ความทุ่มเทในการสร้างพระวิหาร: โซโลมอนและประชากรอิสราเอลทุ่มเทกำลังกาย กำลังทรัพย์ และความพยายามอย่างมหาศาลในการสร้างพระวิหารให้สำเร็จ พระวิหารนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาคารที่สวยงาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระเจ้าท่ามกลางประชากรของพระองค์ นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสถานที่เพื่อการนมัสการและการเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นอาคารหรือพื้นที่ส่วนตัวที่จัดเตรียมไว้เพื่อการนั้น
- พระสิริของพระเจ้าเติมเต็มพระวิหาร: เมื่อพระวิหารสร้างเสร็จและโซโลมอนอธิษฐาน พระสิริของพระเจ้าก็เต็มพระวิหารจนปุโรหิตไม่สามารถยืนรับใช้ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงรับและพอพระทัยในการนมัสการที่จริงใจและบริสุทธิ์ การทรงสถิตของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับความงดงามของอาคาร แต่ขึ้นอยู่กับความจริงใจและใจที่ถ่อมของผู้นมัสการ
2. พลังของคำอธิษฐานที่จริงใจและการกลับใจ
- คำอธิษฐานของโซโลมอน: บทที่ 6 เต็มไปด้วยคำอธิษฐานที่ยาวนานและครอบคลุมของโซโลมอน พระองค์อธิษฐานเผื่อประชากรในสถานการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อภัยพิบัติมาถึง, เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู, เมื่อตกเป็นเชลย, หรือเมื่อเกิดโรคระบาด คำอธิษฐานของพระองค์แสดงถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพระลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน บทเรียนนี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของการอธิษฐานในทุกสถานการณ์ และการพึ่งพาพระเจ้าในทุกแง่มุมของชีวิต
- เงื่อนไขแห่งพระพร (2 พงศาวดาร 7:14): นี่คือข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งในบทนี้ "ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งมีชื่อตามนามของเราจะถ่อมใจลง อธิษฐาน แสวงหาหน้าของเรา และหันกลับจากทางชั่วของเขา เมื่อนั้นเราจะฟังเขาจากฟ้าสวรรค์ จะยกโทษบาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย" ข้อนี้เป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนจากพระเจ้าสำหรับการที่พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานและอวยพร ประกอบด้วย:
1. ถ่อมใจลง: การยอมรับในความอ่อนแอและพึ่งพาพระเจ้า
2. อธิษฐาน: การสื่อสารและร้องทูลต่อพระเจ้า
3. แสวงหาหน้าพระเจ้า: การค้นหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและน้ำพระทัยของพระองค์
4. หันกลับจากทางชั่ว (กลับใจ): การละทิ้งบาปและดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม
3. พระสัญญาและความสัตย์ซื่อของพระเจ้า
- การตอบสนองของพระเจ้า: ทันทีที่โซโลมอนอธิษฐานจบ ไฟจากฟ้าสวรรค์ก็ตกลงมาเผาเครื่องบูชา และพระสิริของพระเจ้าก็เต็มพระวิหาร นี่เป็นการยืนยันว่าพระเจ้าทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของประชากรของพระองค์
- พระสัญญาที่มาพร้อมกับคำเตือน: พระเจ้าทรงให้พระสัญญาว่าจะทรงสถิตกับประชากรของพระองค์และฟังคำอธิษฐานของพวกเขา แต่ก็ทรงเตือนว่า หากพวกเขาละทิ้งพระบัญญัติของพระองค์ พระวิหารที่สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่นี้ก็จะถูกทำลาย และพวกเขาจะถูกทิ้งให้เป็นที่เยาะเย้ยในหมู่ประชาชาติ นี่แสดงให้เห็นว่า พระพรของพระเจ้ามาพร้อมกับความรับผิดชอบในการเชื่อฟัง และความสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญาของพระองค์
4. ความหมายสำหรับชีวิตคริสเตียนในปัจจุบัน
- เราคือพระวิหารของพระเจ้า: ในพันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 6:19 กล่าวว่า "ท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายของท่านเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สถิตอยู่ในท่าน ผู้ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านไม่ใช่ของตนเอง?" นี่หมายความว่าการทรงสถิตของพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอาคาร แต่สถิตอยู่ในผู้เชื่อทุกคน เราจึงต้องดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
- การอธิษฐานคือชีวิต: คำอธิษฐานของโซโลมอนเป็นแบบอย่างที่ดีในการอธิษฐานเผื่อตนเอง ผู้อื่น และประเทศชาติ เราทุกคนสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้โดยตรงผ่านการอธิษฐานโดยพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานที่มาจากใจที่ถ่อมและกลับใจ
โดยสรุปแล้ว 2 พงศาวดาร 6-7 สอนเราว่า การนมัสการที่แท้จริงต้องมาจากใจที่ถ่อมและเชื่อฟัง การอธิษฐานคือเครื่องมืออันทรงพลังในการสื่อสารกับพระเจ้า และพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อจะทรงตอบสนองต่อผู้ที่กลับใจและแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เสมอ