Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศ์กษัตริย์ 9

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
2 พงศาวดาร 8

เรื่องย่อ

1 พงศ์กษัตริย์ 9 และ 2 พงศาวดาร 8 บอกเล่าถึงช่วงเวลาหลังจากการสร้างพระวิหารของซาโลมอนแล้ว โดยเน้นถึงการที่พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอนอีกครั้งและทรงเตือนเขาเกี่ยวกับผลที่จะตามมา หากเขาและชนชาติอิสราเอลหันเหไปจากพระองค์ นอกจากนี้ยังบรรยายถึงความสำเร็จของซาโลมอนในการสร้างเมืองและโครงการต่างๆ รวมถึงการจัดระเบียบการนมัสการในพระวิหาร การค้าทางทะเลกับฮีราม และการเสด็จเยือนของราชินีแห่งเชบา เรื่องราวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของอาณาจักรซาโลมอนภายใต้การปกครองที่ชาญฉลาดและภักดีต่อพระเจ้า แต่ก็ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อฟังและความซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระเจ้า

 

ซาโลมอนใช้เวลาถึง 20 ปีในการสร้างพระวิหารและพระราชวังของตัวเอง รวมถึงสร้างบ้านแยกต่างหากให้ภรรยาชาวต่างชาติของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ประทับของพระเจ้ามากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว การกระทำนี้อาจดูแปลกในสายตาของเรา เพราะในสมัยนั้น ผู้ชายที่มีภรรยาหลายคนมักจะให้ภรรยาคนสำคัญอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ซาโลมอนเลือกที่จะแยกภรรยาของเขาออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ ซาโลมอนยังได้สร้างเมืองต่างๆ และใช้แรงงานจากชาวคานาอันที่ไม่ใช่อิสราเอล ซึ่งเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์ไม่ได้ให้ความเห็นอย่างชัดเจนว่าถูกต้องหรือไม่ แม้ว่าเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงการกดขี่ชาวอิสราเอลด้วยกัน แต่การใช้แรงงานจากคนต่างชาติก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา และการที่ซาโลมอนร่วมมือกับกษัตริย์ฮีรามในการค้าทางทะเลก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะบางคนอาจมองว่าเป็นการพึ่งพาภายนอก แทนที่จะพึ่งพาพระเจ้าผู้ทรงสามารถจัดเตรียมทุกสิ่งให้พวกเขาได้

แม้จะมีโครงการก่อสร้างมากมาย ซาโลมอนก็ยังคงยึดมั่นในเทศกาลและการถวายเครื่องบูชาตามที่กำหนดไว้ในธรรมบัญญัติ อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงเตือนเขาว่า หากชาวอิสราเอลกบฏ พระวิหารก็จะถูกทิ้งร้างและกลายเป็นที่เยาะเย้ย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระเจ้ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งก่อสร้างใดๆ และแม้ว่าพระเจ้าจะทรงเตือนถึงผลที่จะตามมา แต่พระองค์ก็ทรงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้กลับใจและฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระองค์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเมตตาของพระองค์ที่มีต่อประชากรของพระองค์

 

ข้อคิด: 1 พงศ์กษัตริย์ 9; 2 พงศาวดาร 8

พระเจ้าทรงมีมาตรฐานและความคาดหวังที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงพร้อมให้อภัยเมื่อเราพลาดพลั้ง และทรงเปิดเผยให้เรารู้ล่วงหน้าว่าพระองค์จะทรงปฏิบัติต่อเราอย่างไร การที่พระเจ้าทรงชัดเจนเช่นนี้เป็นของขวัญ เพราะทำให้เรารู้ว่าเรายืนอยู่ตรงไหนกับพระองค์ หากเรามีปัญหากับข้อความนี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พระเจ้า แต่อยู่ที่ใจของเราที่ยังคงมีความชั่วร้ายอยู่ พระเจ้าทรงยุติธรรมและชอบธรรมในการลงโทษความชั่วร้าย แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงเมตตาและรักเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง

 

คำถาม

1.   1 พงศ์กษัตริย์ 9 เน้นถึงคำเตือนของพระเจ้าต่อซาโลมอนเกี่ยวกับการหันเหไปจากพระองค์และความสำคัญของการเชื่อฟัง ในชีวิตปัจจุบัน เราเผชิญกับสิ่งล่อใจและความท้าทายมากมายที่อาจทำให้เราหันเหไปจากความเชื่อและค่านิยมของเรา เราจะรักษาสติและยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้อย่างไร? บทเรียนจากความผิดพลาดของซาโลมอนสามารถสอนอะไรเราได้บ้าง?

2.   2 พงศาวดาร 8 บรรยายถึงความสำเร็จของซาโลมอนในการสร้างเมืองและการจัดระเบียบการนมัสการ ในฐานะผู้นำหรือสมาชิกของชุมชน เราจะสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองและส่งเสริมค่านิยมทางจิตวิญญาณได้อย่างไร? เราจะสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุและการเติบโตทางจิตวิญญาณได้อย่างไร?

 

 

1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 9 บันทึกเหตุการณ์ที่สำคัญสองส่วนหลังจากที่โซโลมอนสร้างพระวิหารและพระราชวังเสร็จสิ้น นั่นคือ การปรากฏตัวครั้งที่สองของพระเจ้าต่อโซโลมอน และ รายละเอียดเกี่ยวกับการปกครองของโซโลมอน บทเรียนและข้อคิดที่เราสามารถได้รับมีดังนี้:

1. พันธสัญญาแบบมีเงื่อนไขของพระเจ้า (1 พงศ์กษัตริย์ 9:1-9)

นี่คือใจความสำคัญที่สุดของบทนี้ ซึ่งเป็นการย้ำเตือนถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อดาวิดและโซโลมอน แต่มาพร้อมกับ เงื่อนไขที่ชัดเจน

  • การยืนยันพระพรและพระสัญญา: พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของโซโลมอน และยืนยันว่าพระองค์ทรงได้ยินคำอธิษฐานและได้ชำระพระวิหารให้บริสุทธิ์แล้ว โดยระบุว่าดวงตาและใจของพระองค์จะอยู่ที่นั่นตลอดไป (ข้อ 3) นี่เป็นการยืนยันถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่จะสถิตอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์
  • เงื่อนไขสำหรับราชบัลลังก์ของโซโลมอน: พระเจ้าทรงเตือนโซโลมอนว่า "ถ้าเจ้าจะดำเนินในทางของเรา เหมือนดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินด้วยใจจริงและด้วยความซื่อสัตย์ โดยทำตามสิ่งที่เราได้บัญชาเจ้าทุกอย่าง และรักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา" (ข้อ 4) นี่คือแก่นแท้ของพระสัญญา พระเจ้าจะทรงตั้งราชบัลลังก์ของโซโลมอนให้อยู่คงที่ในอิสราเอลตลอดไป ดังที่ทรงสัญญาไว้กับดาวิดบิดาของเขา
  • คำเตือนถึงผลของการไม่เชื่อฟัง: ในทางตรงกันข้าม หากโซโลมอนหรือลูกหลานของเขา "หันไปจากเรา และไม่รักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา" (ข้อ 6) พระเจ้าจะทรง "กำจัดอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินที่เราให้แก่พวกเขา" (ข้อ 7) และพระวิหารที่ยิ่งใหญ่นี้จะกลายเป็นเพียงซากปรักหักพังและเป็นที่เยาะเย้ย (ข้อ 8-9)

ข้อคิด: บทเรียนสำคัญที่สุดคือ พระพรของพระเจ้าและการคงอยู่ของราชบัลลังก์ (หรือความสัมพันธ์กับพระองค์) ขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังและดำเนินชีวิตในทางของพระองค์ ไม่ใช่แค่การสร้างอาคารที่ยิ่งใหญ่ หรือการมีพิธีกรรมที่น่าประทับใจเท่านั้น แต่เป็นการเชื่อฟังจากใจจริง นี่เป็นข้อเตือนใจที่สำคัญสำหรับผู้นำทุกคน (และผู้เชื่อทุกคน) ว่าการรับใช้พระเจ้าต้องมาพร้อมกับความซื่อสัตย์ในชีวิตส่วนตัวและสาธารณะ

2. การบริหารจัดการอาณาจักรของโซโลมอน (1 พงศ์กษัตริย์ 9:10-28)

ส่วนนี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างและการบริหารประเทศของโซโลมอน ซึ่งสะท้อนถึงปัญญาและความมั่งคั่งของพระองค์ แต่ก็มีประเด็นที่น่าคิด:

  • ความสัมพันธ์กับกษัตริย์ฮีรามแห่งไทระ (9:10-14): โซโลมอนตอบแทนฮีรามที่ช่วยเหลือในการสร้างพระวิหารและพระราชวังด้วยเมือง 20 เมืองในกาลิลี แต่ฮีรามไม่พอใจเมืองเหล่านี้และเรียกมันว่า "ดินแดนคาบูล" (ซึ่งหมายถึง "ไม่มีอะไร" หรือ "สิ่งที่ไม่สำคัญ")

ข้อคิด: แม้โซโลมอนจะได้รับการยกย่องว่ามีปัญญา แต่การตัดสินใจนี้อาจแสดงถึง ความไม่รอบคอบหรือความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย ในการใช้ทรัพย์สินของอาณาจักร เพื่อแลกกับความพยายามอันยิ่งใหญ่ของฮีราม หรืออาจแสดงให้เห็นว่าแม้แต่มิตรภาพระหว่างประเทศก็มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

  • แรงงานเกณฑ์และโครงการก่อสร้าง (9:15-23): โซโลมอนเกณฑ์แรงงานจากชนชาติที่ไม่ใช่อิสราเอลมาทำงานก่อสร้างต่างๆ รวมถึงการสร้างมิโล กำแพงเยรูซาเล็ม และเมืองสำหรับเก็บสะสมของและสำหรับรถรบและพลม้า ในขณะที่ชาวอิสราเอลได้รับการยกเว้นจากการเป็นแรงงานทาส แต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทหาร ข้าราชการ ผู้บังคับบัญชา และผู้ควบคุมงาน

ข้อคิด: โซโลมอนเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ก็มีการ ใช้แรงงานเกณฑ์ ซึ่งอาจสร้างภาระให้กับประชาชน แม้ว่าชาวอิสราเอลจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่า แต่การเกณฑ์แรงงานก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้กำลัง บทบาทของผู้ปกครองคือการใช้ทรัพยากรและแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นการกดขี่

  • ธิดาของฟาโรห์และการเติบโตของอาณาจักร (9:24-28): ธิดาของฟาโรห์ย้ายจากเมืองดาวิดมายังพระราชวังที่โซโลมอนสร้างให้ และโซโลมอนยังคงถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาที่แท่นบูชาที่เขาสร้างขึ้น อีกทั้งยังส่งกองเรือไปค้าขายกับต่างประเทศ ทำให้โซโลมอนมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ข้อคิด: การค้าขายระหว่างประเทศและการขยายอิทธิพลของโซโลมอนแสดงถึง ความเจริญรุ่งเรืองและอำนาจสูงสุดของอิสราเอลในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม การแต่งงานกับธิดาของฟาโรห์และต่อมาก็กับหญิงต่างชาติจำนวนมากจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง ซึ่งบทนี้ยังไม่ได้ระบุถึงผลเสียโดยตรง แต่เป็นสัญญาณเบื้องต้นของการประนีประนอมในเรื่องความเชื่อ