Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 18

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 19

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 20

เรื่องย่อ

พระเจ้าทรงเน้นย้ำหลักการแห่งความรับผิดชอบส่วนบุคคล โดยตรัสว่าทุกคนจะถูกพิพากษาตามการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ของบรรพบุรุษ การแก้ตัวที่ว่า "พ่อกินองุ่นเปรี้ยว ฟันของลูกก็เลยคม" จึงเป็นโมฆะ พระเจ้าทรงเรียกร้องให้อิสราเอลละทิ้งวิถีทางที่ชั่วร้ายและหันกลับมาหาพระองค์อย่างแท้จริง โดยทรงย้ำถึงความเมตตาที่ทรงมีให้ในอดีตตั้งแต่สมัยอียิปต์จนถึงถิ่นทุรกันดาร แม้ว่าอิสราเอลจะดื้อรั้นและกบฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระเจ้าก็ทรงอดทนด้วยความรักมั่นคง แต่พระองค์จะทรงชำระพวกเขาด้วยการพิพากษา เพื่อให้ผู้ที่เหลืออยู่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และนมัสการพระองค์ในแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ การพิพากษาจึงเป็นเครื่องมือในการทำให้ประชากรของพระเจ้าบริสุทธิ์และนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพระองค์

 

วันนี้ พระเจ้าทรงตรัสถึงความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับศาสนศาสตร์ของอิสราเอล ที่ว่าเด็กถูกลงโทษเพราะบาปของพ่อแม่ แม้ว่าเด็กๆ จะได้รับผลกระทบจากบาปของพ่อแม่อย่างแน่นอน แต่พระเจ้าทรงพิพากษาแต่ละคนเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากการกระทำของพวกเขา พระเจ้าทรงยกตัวอย่างบิดาผู้ชอบธรรมที่มีบุตรชายที่ชั่วร้าย และบิดาที่ชั่วร้ายที่มีบุตรชายที่ชอบธรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกคนจะถูกพิพากษาเป็นรายบุคคล ความชอบธรรมไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และความชั่วร้ายก็เช่นกัน

ประเด็นสำคัญคือ การกระทำที่ชอบธรรมของเราเป็นหลักฐานแสดงถึงความเชื่อของเราในพระเจ้า และความเชื่อเช่นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่สิ่งที่สืบทอดกันมา พระเจ้าทรงเตือนพวกเขาว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะหันมาหาพระองค์และให้หนี้บาปของพวกเขาได้รับการชำระ พระองค์ไม่ต้องการที่จะฆ่าคนชั่วร้าย สิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนาคือการที่พวกเขาสำนึกผิด น่าเสียดายสำหรับผู้ที่ไม่สำนึกผิด ความชอบธรรมของพระองค์เรียกร้องความยุติธรรม การตอบสนองของอิสราเอลต่อข่าวประเสริฐนี้คือการคัดค้านทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัส ซึ่งเป็นเรื่องน่าขัน เพราะนั่นคือความหวังเดียวของอิสราเอลในจุดนี้!

เอเสเคียลคร่ำครวญถึงความพินาศของยูดาห์ โดยบรรยายภาพยูดาห์เป็นทั้งแม่สิงโตและเถาองุ่น ผู้นำของอิสราเอลมีคำถามสำหรับพระเจ้า และพระองค์ทรงเล่าถึงวิธีที่พระองค์ทรงจัดเตรียมให้พวกเขาในขณะที่พวกเขากบฏและไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ปฏิเสธพระเจ้าและใจของพวกเขาก็ติดตามรูปเคารพ พระเจ้าตรัสความจริงแก่คนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น แต่พวกเขาทุกคนก็ทำสิ่งเดียวกัน ในข้อ 20:25–26 ฟังดูเหมือนพระเจ้าตรัสว่าพระองค์ทรงนำพวกเขาไปในทางที่ผิด และสั่งให้พวกเขาทำสิ่งเลวร้ายมากมาย ถ้อยคำนี้อาจเป็นคำประชดประชัน หรืออาจเป็นการแสดงมุมมองของชาวอิสราเอลที่มีต่อกฎหมายของพระองค์ หรืออาจเป็นการผสมผสานกันของทั้งสองอย่าง แต่ก็มีประเด็นที่ลึกซึ้งกว่านั้นด้วย ซึ่งสะท้อนอยู่ในโรม 7:7–25 ซึ่งกล่าวถึงจุดประสงค์และผลของธรรมบัญญัติอย่างละเอียดถี่ถ้วน ธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่ได้นำชีวิตมาให้ด้วยตัวของมันเอง แต่เผยให้เห็นว่าเราหมดหนทางเพียงใด และพระเจ้าทรงชอบธรรมเพียงใด เราไม่สามารถรักษากฎหมายได้แม้ว่าเราจะพยายามก็ตาม ธรรมบัญญัติไม่ได้นำไปสู่ชีวิต แต่มันชี้ไปที่ความตาย และมันเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว

 

ข้อคิด: เอเสเคียล 18-20

เอเสเคียล 20:44 เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงกระทำการเพื่อเห็นแก่นามของพระองค์ ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมของอิสราเอล การรักษาธรรมบัญญัติไม่ใช่ข่าวประเสริฐที่แท้จริง แต่ข่าวดีคือพระเยซูคริสต์ทรงรักษาธรรมบัญญัติอย่างสมบูรณ์แบบและทรงชดเชยบาปของเรา พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดเพื่อเห็นแก่นามของพระองค์ เป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีนิรันดร์ของเรา

 

คำถาม

1.   เอเสเคียล 18 เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบส่วนบุคคลสำหรับการกระทำของตนเอง โดยกล่าวว่า "จิตวิญญาณที่ทำบาปก็จะตาย" ในสังคมปัจจุบันที่มักมีการโทษปัจจัยภายนอกหรือผู้อื่นสำหรับความผิดพลาดของตนเอง เราจะส่งเสริมความรับผิดชอบส่วนบุคคลได้อย่างไร และอะไรคือความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการยอมรับอิทธิพลของสภาพแวดล้อมกับการเลือกกระทำของแต่ละบุคคล?

2.   เอเสเคียล 20 บรรยายถึงประวัติศาสตร์การกบฏของอิสราเอลต่อพระเจ้า แม้ว่าพระองค์จะทรงประทานพระบัญญัติและสิ่งดีมากมายให้แล้ว เราจะหลีกเลี่ยงการทำผิดซ้ำรอยเดิมได้อย่างไร? เราจะจดจำและเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตได้อย่างไร เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า และยึดมั่นในคุณค่าที่ถูกต้อง?

 

 

เอเสเคียล บทที่ 20 อธิบายถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับชนชาติอิสราเอล ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นทาสอยู่ในอียิปต์จนกระทั่งถึงสมัยของเอเสเคียล เนื้อหาในบทนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเมตตา ความอดทน และความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ในขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นถึงความดื้อรั้นและการกบฏของชนชาติอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง

1. ความเมตตาและพระคุณของพระเจ้า

แม้ว่าชนชาติอิสราเอลจะดื้อรั้นและกบฏต่อพระเจ้ามาโดยตลอด แต่พระองค์ก็ยังคงแสดงความเมตตาและอดทนกับพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ทำไว้กับบรรพบุรุษและยังคงสัญญาว่าจะนำพวกเขาออกจากดินแดนที่พวกเขาเป็นทาส (ข้อ 5–6) และจะนำพวกเขากลับคืนสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญา (ข้อ 41–42) สิ่งนี้สอนให้เราเห็นว่าความรักของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีของเรา แต่เป็นเพราะพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เอง

2. ผลลัพธ์ของการไม่เชื่อฟัง

พระธรรมบทนี้เน้นย้ำถึงผลที่ตามมาของการไม่เชื่อฟังอย่างชัดเจน พระเจ้าทรงเตือนว่าการละทิ้งบัญญัติของพระองค์และการหันไปนมัสการรูปเคารพจะนำมาซึ่งการพิพากษาและการถูกลงโทษ (ข้อ 13, 21) ประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอลเป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่าการไม่เชื่อฟังพระเจ้าจะนำมาซึ่งความทุกข์ยากและความพินาศในที่สุด

3. การกบฏที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

สิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าในบทนี้คือการที่ความดื้อรั้นและการกบฏของชนชาติอิสราเอลไม่ได้สิ้นสุดลงในรุ่นเดียว แต่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แม้พระเจ้าจะทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์แล้ว แต่ชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารก็ยังคงกบฏต่อพระองค์ และลูกหลานของพวกเขาก็ยังคงทำเช่นเดียวกันเมื่อไปถึงแผ่นดินแห่งพันธสัญญา สิ่งนี้เตือนให้เราเห็นว่าความบาปสามารถส่งต่อและสร้างวงจรที่ไม่สิ้นสุดได้หากเราไม่หันกลับใจและเชื่อฟังพระเจ้าอย่างแท้จริง

4. การสำแดงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า

ในขณะที่พระเจ้าทรงสำแดงความเมตตา แต่พระองค์ก็ไม่ทรงละเลยความบาปโดยเด็ดขาด การพิพากษาที่พระองค์ทรงมีต่ออิสราเอลนั้นก็เพื่อสำแดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์และความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ (ข้อ 41) พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ไม่ยอมรับความบาป และการลงโทษก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความยุติธรรมและพระเกียรติของพระองค์

5. ความหวังในการไถ่ให้รอด

แม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยการกล่าวโทษและการพิพากษา แต่บทนี้ก็จบลงด้วยความหวัง พระเจ้าสัญญาว่าจะรวบรวมประชากรของพระองค์กลับคืนมาและนำพวกเขาไปสู่แผ่นดินแห่งอิสราเอล พระองค์จะทรงชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์และจะทรงได้รับการนมัสการอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้ในความมืดมิดของความบาปและความล้มเหลว ก็ยังมีความหวังในแผนการอันสมบูรณ์ของพระเจ้าที่จะไถ่ประชากรของพระองค์ในที่สุด

พระธรรมเอเสเคียล บทที่ 20 เป็นบทที่เตือนใจเราให้เห็นถึงความจริงที่ว่ามนุษย์นั้นล้มเหลวและดื้อรั้นได้ง่ายเพียงใด แต่ในขณะเดียวกันก็ยืนยันถึงความรัก ความอดทน และความสัตย์ซื่ออันไม่สิ้นสุดของพระเจ้าที่มีต่อเราเสมอมา