Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ยอห์น 14

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ยอห์น 15

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ยอห์น 16

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ยอห์น 17

เรื่องย่อ

ยอห์นบทที่ 14-17 บันทึกพระดำรัสสั่งลาอันลึกซึ้งของพระเยซูแก่เหล่าสาวกในคืนสุดท้ายก่อนการตรึงกางเขน โดยเริ่มต้นด้วยการปลอบโยนพวกเขาว่าอย่าให้ใจเป็นทุกข์ พระองค์จะเสด็จไปจัดเตรียมที่สำหรับพวกเขา และพระองค์คือหนทาง ความจริง และชีวิต พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระผู้ช่วย/ผู้ปลอบโยน) ซึ่งจะอยู่กับพวกเขาและสอนทุกสิ่ง จากนั้นพระเยซูทรงใช้คำอุปมาเรื่องเถาองุ่นแท้และแขนง เพื่อสอนถึงความจำเป็นของการคงอยู่ในพระองค์เพื่อจะเกิดผลและรักซึ่งกันและกัน ทรงเตือนถึงความเกลียดชังของโลก และยืนยันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาเพื่อนำพวกเขาไปสู่ความจริงทั้งหมด และสุดท้าย ในบทที่ 17 เป็น "คำอธิษฐานมหาปุโรหิต" ของพระเยซู ซึ่งพระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อพระองค์เอง เผื่อเหล่าสาวกให้ได้รับการปกป้องและชำระให้บริสุทธิ์ และเผื่อผู้เชื่อทุกคนในอนาคตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระองค์และพระบิดา เพื่อให้โลกได้รู้จักความรักและความจริงของพระเจ้า

 

พระเยซูทรงเตรียมเหล่าสาวกสำหรับการจากไปของพระองค์ โดยทรงรับรองว่าแม้พวกเขาจะไม่สามารถติดตามพระองค์ได้ในทันที แต่ในที่สุดก็จะร่วมสถิตกับพระองค์ชั่วนิรันดร์ พระองค์ทรงเปิดเผยถึงจุดหมายปลายทางของพระองค์ว่าคือการประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า และจะทรงจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกเขาในพระนิเวศของพระบิดา ซึ่งในวัฒนธรรมยิวหมายถึงการเป็นครอบครัวเดียวกัน พระองค์ทรงประกาศอย่างชัดเจนว่าพระองค์คือทางนั้น ความจริง และชีวิต เป็นสะพานเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมมนุษย์กับพระเจ้าพระบิดา ในฐานะที่ทรงเป็นทั้งพระเจ้าโดยสมบูรณ์และมนุษย์โดยสมบูรณ์ การกล่าวอ้างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไม่เป็นความจริง พระองค์ก็จะเป็นผู้หลอกลวง ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดที่ว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เผยพระวจนะหรือครูสอนศีลธรรมที่ดี

พระเยซูยังทรงตรัสว่าเหล่าสาวกจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ โดยยังคงสานต่อพันธกิจที่ทรงพลังและอัศจรรย์ของพระเจ้าหลังจากพระองค์จากไป พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานสิ่งที่พวกเขาขอในพระนามของพระองค์ ซึ่งหมายถึงการขอที่สอดคล้องกับพระลักษณะและพระประสงค์ของพระองค์ พระสัญญานี้มีหลักประกันที่ว่า พระเจ้าจะทรงตอบรับคำขอที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์และเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เสมอ ทำให้เราสามารถวางใจให้พระองค์ทรงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา พระองค์ยังทรงสัญญาว่าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้เชื่อทุกคน ซึ่งจะสถิตอยู่ภายในพวกเขาเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ส่องสว่างไปยังพระเยซู นำไปสู่ความจริง ชี้ให้เห็นบาป และยืนยันสถานะของเราในฐานะบุตรของพระเจ้า พระวิญญาณทรงทำงานท่ามกลางโลก แต่สถิตอยู่เฉพาะกับผู้ติดตามพระคริสต์เท่านั้น

พระเยซูทรงใช้ภาพเปรียบเทียบเถาองุ่นและกิ่งก้าน เพื่อกระตุ้นให้เหล่าสาวกเกิดผลดี ซึ่งจะนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การทดลอง และการข่มเหง แต่ทรงให้กำลังใจพวกเขาด้วยการย้ำว่าพระองค์ทรงเลือกและแต่งตั้งพวกเขา โดยทรงรู้จักทั้งความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ ความกลัว และความล้มเหลวทั้งหมดของพวกเขา บทที่ 17 เป็นคำอธิษฐานของมหาปุโรหิตที่พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อเหล่าสาวกและผู้เชื่อทุกคน รวมถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่พวกเขา ซึ่งมีจุดประสงค์ร่วมกันคือการถวายพระเกียรติแด่พระบิดา

 

ข้อคิด: ยอห์น 14-17

พระเยซูทรงย้ำถึงความสำคัญของความชื่นชมยินดีและสันติสุขที่พระองค์ประทานให้ตลอดเวลา โดยตรัสให้เหล่าสาวกอย่าให้ใจเป็นทุกข์ แต่จงเชื่อในพระเจ้าและในพระองค์ พระองค์ทรงมอบสันติสุขซึ่งแตกต่างจากที่โลกให้ สันติสุขที่จะช่วยให้ใจไม่เป็นทุกข์และไม่ต้องกลัวเลย พระองค์ทรงบอกสิ่งเหล่านี้เพื่อความชื่นชมยินดีของพระองค์จะดำรงอยู่ในพวกเขา และเพื่อความชื่นชมยินดีของพวกเขาจะเต็มเปี่ยม แม้ในโลกนี้จะต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก แต่ก็ทรงกระตุ้นให้ชื่นใจเพราะพระองค์ได้ทรงชนะโลกแล้ว และแม้จะมีความทุกข์โศกในขณะนั้น พระองค์จะทรงกลับมาพบพวกเขาอีกครั้ง และใจของพวกเขาจะชื่นชมยินดี ไม่มีใครสามารถพรากความชื่นชมยินดีนั้นไปได้เลย ความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยมที่มาจากพระองค์นั้นสมบูรณ์จนไม่มีสิ่งใดขาดหายไป ทำให้เรามีความชื่นชมยินดีตลอดไป เพราะพระองค์คือแหล่งกำเนิดของความชื่นชมยินดีทั้งหมด

 

คำถาม

1.   เราจะใช้คำสอนและคำอธิษฐานของพระเยซูในยอห์น 14-17 เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไรเพื่อให้ชีวิตเราสะท้อนความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้ากับผู้อื่น (ยอห์น 17:21-23) — คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาว่าวัตถุประสงค์คือเพื่อให้สมาชิกชุมชนคริสเตียนเข้าใจว่าการดำเนินชีวิตในความรักและความเป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่แค่ความคิดแต่เป็นการปฏิบัติจริง ซึ่งจะเสริมสร้างความสามัคคีและเป็นพยานถึงความจริงของพระคริสต์ในโลก

2.   เราจะรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในพระเยซูและพระวจนะของพระองค์ในสถานการณ์ที่ท้าทายและยากลำบากอย่างไร (ยอห์น 14:1-6, 16:33) — คำถามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พิจารณาถึงเป้าหมายในการสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณเพื่อให้สามารถยืนหยัดและสืบต่อความหวังในพระคริสต์ในทุกสภาพแวดล้อม ช่วยเสริมสร้างเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าและความมั่นคงในความรักของพระองค์ในทุกการเดินทางของชีวิต

 

 

 

ยอห์น บทที่ 14 เป็นส่วนหนึ่งของคำกล่าวอำลาของพระเยซูต่อเหล่าสาวก (ตั้งแต่วิหารชั้นบน) ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือการ ปลอบประโลม ให้ความมั่นใจ และเตรียมสาวกสำหรับชีวิตหลังจากการเสด็จกลับสู่สวรรค์ของพระองค์

1. การปลอบประโลมในความทุกข์ใจ: ความมั่นใจในชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 14:1–4)

  • พระเยซูเริ่มต้นด้วยการตรัสว่า "อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย" พระองค์ทรงรับรู้ถึงความกังวลของสาวกเกี่ยวกับการที่พระองค์กำลังจะจากไป และตอบด้วยการให้ความหวังที่แท้จริง โดยตรัสว่าพระองค์จะไป "จัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน" ในสวรรค์ และจะเสด็จกลับมารับพวกเขาไปอยู่ด้วย
  • ผู้เชื่อในพระคริสต์มีความมั่นใจในที่อยู่อาศัยนิรันดร์และมีความหวังในการกลับมาของพระองค์ ซึ่งเป็นรากฐานที่ช่วยให้จิตใจสงบและไม่วิตกกังวลในโลกนี้

2. พระเยซูคือทางเดียวสู่พระเจ้า (ยอห์น 14:5–11)

  • เมื่อโธมัสทูลถามถึงหนทาง พระเยซูได้ให้คำประกาศที่สำคัญที่สุดคำหนึ่งในพระคัมภีร์: "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา" (ยอห์น 14:6)
    • "ทางนั้น": พระองค์คือทางเดียวที่เราจะไปถึงพระเจ้าและสวรรค์ได้
    • "ความจริง": พระองค์ทรงเปิดเผยพระลักษณะและพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
    • "ชีวิต": พระองค์ทรงประทานชีวิตนิรันดร์และชีวิตที่ครบบริบูรณ์
  • ผู้เชื่อต้องตระหนักว่าความสัมพันธ์กับพระเจ้าและทางสู่ความรอดมีได้เพียงทางเดียวคือผ่านทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น การรู้จักพระเยซูคือการรู้จักพระบิดา

3. อำนาจในการอธิษฐานและผลของการเชื่อ (ยอห์น 14:12–14)

  • พระเยซูตรัสว่า ผู้ที่วางใจในพระองค์จะสามารถทำ "กิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก" และทรงสัญญาว่า "สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร"
  • การอธิษฐานในพระนามของพระเยซูหมายถึงการอธิษฐานตามพระประสงค์และพระอุปนิสัยของพระองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การได้รับคำตอบและผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คาดหวังได้ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ การถวายเกียรติแด่พระเจ้า

4. คำสัญญาเรื่อง "พระผู้ช่วย" คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 14:15–26)

  • นี่คือหัวใจของการปลอบประโลม พระเยซูสัญญาว่าจะส่ง "พระวิญญาณแห่งความจริง" (พระวิญญาณบริสุทธิ์) มาอยู่กับผู้เชื่อตลอดไป พระวิญญาณจะทำหน้าที่เป็น "พระผู้ช่วย" (Paraclete: ผู้ปลอบประโลม, ผู้แนะนำ)
  • หน้าที่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์:

1.      สถิตอยู่กับเราตลอดไป (14:16–17)

2.      สอนทุกสิ่ง (14:26)

3.      ทำให้ระลึกถึง ทุกสิ่งที่พระเยซูตรัส (14:26)

  • แม้พระเยซูจะไม่ได้อยู่ด้วยทางร่างกาย แต่พระองค์ได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่ภายในผู้เชื่อ เพื่อนำทาง สอน และเสริมกำลังให้เราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์

5. ความสัมพันธ์กับความรักและการเชื่อฟัง (ยอห์น 14:21, 23–24)

  • พระเยซูทรงเชื่อมโยงความรักเข้ากับการเชื่อฟัง: "ใครที่ถือตามบัญญัติของเราและประพฤติตาม ผู้นั้นแหละที่รักเรา" (ยอห์น 14:21) การเชื่อฟังไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นการตอบสนองต่อความรัก และจะนำมาซึ่งการที่พระบิดาและพระบุตรจะมา "อยู่กับเขา"
  • ความรักแท้ต่อพระเจ้าแสดงออกผ่านการกระทำ นั่นคือการเชื่อฟังพระคำของพระองค์ การเชื่อฟังนำไปสู่ประสบการณ์อันล้ำลึกของการสถิตอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา

ยอห์น 14 เป็นบทที่สอนให้เราเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนด้วย ความเชื่อมั่นในพระเยซูคริสต์ ในฐานะ ทางเดียวสู่พระเจ้า โดยมี พระวิญญาณบริสุทธิ์ คอยช่วยเหลือและนำพาเราในปัจจุบัน พร้อมด้วย ความหวังในสวรรค์ ในอนาคต สิ่งที่เราต้องทำคือ รัก และ เชื่อฟัง พระองค์