เรื่องย่อ
ยอห์นบทที่ 14-17 บันทึกพระดำรัสสั่งลาอันลึกซึ้งของพระเยซูแก่เหล่าสาวกในคืนสุดท้ายก่อนการตรึงกางเขน โดยเริ่มต้นด้วยการปลอบโยนพวกเขาว่าอย่าให้ใจเป็นทุกข์ พระองค์จะเสด็จไปจัดเตรียมที่สำหรับพวกเขา และพระองค์คือหนทาง ความจริง และชีวิต พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระผู้ช่วย/ผู้ปลอบโยน) ซึ่งจะอยู่กับพวกเขาและสอนทุกสิ่ง จากนั้นพระเยซูทรงใช้คำอุปมาเรื่องเถาองุ่นแท้และแขนง เพื่อสอนถึงความจำเป็นของการคงอยู่ในพระองค์เพื่อจะเกิดผลและรักซึ่งกันและกัน ทรงเตือนถึงความเกลียดชังของโลก และยืนยันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาเพื่อนำพวกเขาไปสู่ความจริงทั้งหมด และสุดท้าย ในบทที่ 17 เป็น "คำอธิษฐานมหาปุโรหิต" ของพระเยซู ซึ่งพระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อพระองค์เอง เผื่อเหล่าสาวกให้ได้รับการปกป้องและชำระให้บริสุทธิ์ และเผื่อผู้เชื่อทุกคนในอนาคตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระองค์และพระบิดา เพื่อให้โลกได้รู้จักความรักและความจริงของพระเจ้า
พระเยซูทรงเตรียมเหล่าสาวกสำหรับการจากไปของพระองค์ โดยทรงรับรองว่าแม้พวกเขาจะไม่สามารถติดตามพระองค์ได้ในทันที แต่ในที่สุดก็จะร่วมสถิตกับพระองค์ชั่วนิรันดร์ พระองค์ทรงเปิดเผยถึงจุดหมายปลายทางของพระองค์ว่าคือการประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า และจะทรงจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกเขาในพระนิเวศของพระบิดา ซึ่งในวัฒนธรรมยิวหมายถึงการเป็นครอบครัวเดียวกัน พระองค์ทรงประกาศอย่างชัดเจนว่าพระองค์คือทางนั้น ความจริง และชีวิต เป็นสะพานเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมมนุษย์กับพระเจ้าพระบิดา ในฐานะที่ทรงเป็นทั้งพระเจ้าโดยสมบูรณ์และมนุษย์โดยสมบูรณ์ การกล่าวอ้างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไม่เป็นความจริง พระองค์ก็จะเป็นผู้หลอกลวง ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดที่ว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เผยพระวจนะหรือครูสอนศีลธรรมที่ดี
พระเยซูยังทรงตรัสว่าเหล่าสาวกจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ โดยยังคงสานต่อพันธกิจที่ทรงพลังและอัศจรรย์ของพระเจ้าหลังจากพระองค์จากไป พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานสิ่งที่พวกเขาขอในพระนามของพระองค์ ซึ่งหมายถึงการขอที่สอดคล้องกับพระลักษณะและพระประสงค์ของพระองค์ พระสัญญานี้มีหลักประกันที่ว่า พระเจ้าจะทรงตอบรับคำขอที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์และเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เสมอ ทำให้เราสามารถวางใจให้พระองค์ทรงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา พระองค์ยังทรงสัญญาว่าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้เชื่อทุกคน ซึ่งจะสถิตอยู่ภายในพวกเขาเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ส่องสว่างไปยังพระเยซู นำไปสู่ความจริง ชี้ให้เห็นบาป และยืนยันสถานะของเราในฐานะบุตรของพระเจ้า พระวิญญาณทรงทำงานท่ามกลางโลก แต่สถิตอยู่เฉพาะกับผู้ติดตามพระคริสต์เท่านั้น
พระเยซูทรงใช้ภาพเปรียบเทียบเถาองุ่นและกิ่งก้าน เพื่อกระตุ้นให้เหล่าสาวกเกิดผลดี ซึ่งจะนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การทดลอง และการข่มเหง แต่ทรงให้กำลังใจพวกเขาด้วยการย้ำว่าพระองค์ทรงเลือกและแต่งตั้งพวกเขา โดยทรงรู้จักทั้งความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ ความกลัว และความล้มเหลวทั้งหมดของพวกเขา บทที่ 17 เป็นคำอธิษฐานของมหาปุโรหิตที่พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อเหล่าสาวกและผู้เชื่อทุกคน รวมถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่พวกเขา ซึ่งมีจุดประสงค์ร่วมกันคือการถวายพระเกียรติแด่พระบิดา
ข้อคิด: ยอห์น 14-17
พระเยซูทรงย้ำถึงความสำคัญของความชื่นชมยินดีและสันติสุขที่พระองค์ประทานให้ตลอดเวลา โดยตรัสให้เหล่าสาวกอย่าให้ใจเป็นทุกข์ แต่จงเชื่อในพระเจ้าและในพระองค์ พระองค์ทรงมอบสันติสุขซึ่งแตกต่างจากที่โลกให้ สันติสุขที่จะช่วยให้ใจไม่เป็นทุกข์และไม่ต้องกลัวเลย พระองค์ทรงบอกสิ่งเหล่านี้เพื่อความชื่นชมยินดีของพระองค์จะดำรงอยู่ในพวกเขา และเพื่อความชื่นชมยินดีของพวกเขาจะเต็มเปี่ยม แม้ในโลกนี้จะต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก แต่ก็ทรงกระตุ้นให้ชื่นใจเพราะพระองค์ได้ทรงชนะโลกแล้ว และแม้จะมีความทุกข์โศกในขณะนั้น พระองค์จะทรงกลับมาพบพวกเขาอีกครั้ง และใจของพวกเขาจะชื่นชมยินดี ไม่มีใครสามารถพรากความชื่นชมยินดีนั้นไปได้เลย ความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยมที่มาจากพระองค์นั้นสมบูรณ์จนไม่มีสิ่งใดขาดหายไป ทำให้เรามีความชื่นชมยินดีตลอดไป เพราะพระองค์คือแหล่งกำเนิดของความชื่นชมยินดีทั้งหมด
คำถาม
1. เราจะใช้คำสอนและคำอธิษฐานของพระเยซูในยอห์น 14-17 เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไรเพื่อให้ชีวิตเราสะท้อนความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้ากับผู้อื่น (ยอห์น 17:21-23) — คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาว่าวัตถุประสงค์คือเพื่อให้สมาชิกชุมชนคริสเตียนเข้าใจว่าการดำเนินชีวิตในความรักและความเป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่แค่ความคิดแต่เป็นการปฏิบัติจริง ซึ่งจะเสริมสร้างความสามัคคีและเป็นพยานถึงความจริงของพระคริสต์ในโลก
2. เราจะรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในพระเยซูและพระวจนะของพระองค์ในสถานการณ์ที่ท้าทายและยากลำบากอย่างไร (ยอห์น 14:1-6, 16:33) — คำถามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พิจารณาถึงเป้าหมายในการสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณเพื่อให้สามารถยืนหยัดและสืบต่อความหวังในพระคริสต์ในทุกสภาพแวดล้อม ช่วยเสริมสร้างเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าและความมั่นคงในความรักของพระองค์ในทุกการเดินทางของชีวิต
ยอห์น บทที่ 14 เป็นส่วนหนึ่งของคำกล่าวอำลาของพระเยซูต่อเหล่าสาวก (ตั้งแต่วิหารชั้นบน) ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือการ ปลอบประโลม ให้ความมั่นใจ และเตรียมสาวกสำหรับชีวิตหลังจากการเสด็จกลับสู่สวรรค์ของพระองค์
1. การปลอบประโลมในความทุกข์ใจ: ความมั่นใจในชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 14:1–4)
- พระเยซูเริ่มต้นด้วยการตรัสว่า "อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย" พระองค์ทรงรับรู้ถึงความกังวลของสาวกเกี่ยวกับการที่พระองค์กำลังจะจากไป และตอบด้วยการให้ความหวังที่แท้จริง โดยตรัสว่าพระองค์จะไป "จัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน" ในสวรรค์ และจะเสด็จกลับมารับพวกเขาไปอยู่ด้วย
- ผู้เชื่อในพระคริสต์มีความมั่นใจในที่อยู่อาศัยนิรันดร์และมีความหวังในการกลับมาของพระองค์ ซึ่งเป็นรากฐานที่ช่วยให้จิตใจสงบและไม่วิตกกังวลในโลกนี้
2. พระเยซูคือทางเดียวสู่พระเจ้า (ยอห์น 14:5–11)
- เมื่อโธมัสทูลถามถึงหนทาง พระเยซูได้ให้คำประกาศที่สำคัญที่สุดคำหนึ่งในพระคัมภีร์: "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา" (ยอห์น 14:6)
- "ทางนั้น": พระองค์คือทางเดียวที่เราจะไปถึงพระเจ้าและสวรรค์ได้
- "ความจริง": พระองค์ทรงเปิดเผยพระลักษณะและพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
- "ชีวิต": พระองค์ทรงประทานชีวิตนิรันดร์และชีวิตที่ครบบริบูรณ์
- ผู้เชื่อต้องตระหนักว่าความสัมพันธ์กับพระเจ้าและทางสู่ความรอดมีได้เพียงทางเดียวคือผ่านทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น การรู้จักพระเยซูคือการรู้จักพระบิดา
3. อำนาจในการอธิษฐานและผลของการเชื่อ (ยอห์น 14:12–14)
- พระเยซูตรัสว่า ผู้ที่วางใจในพระองค์จะสามารถทำ "กิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก" และทรงสัญญาว่า "สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร"
- การอธิษฐานในพระนามของพระเยซูหมายถึงการอธิษฐานตามพระประสงค์และพระอุปนิสัยของพระองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การได้รับคำตอบและผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คาดหวังได้ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ การถวายเกียรติแด่พระเจ้า
4. คำสัญญาเรื่อง "พระผู้ช่วย" คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 14:15–26)
- นี่คือหัวใจของการปลอบประโลม พระเยซูสัญญาว่าจะส่ง "พระวิญญาณแห่งความจริง" (พระวิญญาณบริสุทธิ์) มาอยู่กับผู้เชื่อตลอดไป พระวิญญาณจะทำหน้าที่เป็น "พระผู้ช่วย" (Paraclete: ผู้ปลอบประโลม, ผู้แนะนำ)
- หน้าที่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์:
1. สถิตอยู่กับเราตลอดไป (14:16–17)
2. สอนทุกสิ่ง (14:26)
3. ทำให้ระลึกถึง ทุกสิ่งที่พระเยซูตรัส (14:26)
- แม้พระเยซูจะไม่ได้อยู่ด้วยทางร่างกาย แต่พระองค์ได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่ภายในผู้เชื่อ เพื่อนำทาง สอน และเสริมกำลังให้เราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์
5. ความสัมพันธ์กับความรักและการเชื่อฟัง (ยอห์น 14:21, 23–24)
- พระเยซูทรงเชื่อมโยงความรักเข้ากับการเชื่อฟัง: "ใครที่ถือตามบัญญัติของเราและประพฤติตาม ผู้นั้นแหละที่รักเรา" (ยอห์น 14:21) การเชื่อฟังไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นการตอบสนองต่อความรัก และจะนำมาซึ่งการที่พระบิดาและพระบุตรจะมา "อยู่กับเขา"
- ความรักแท้ต่อพระเจ้าแสดงออกผ่านการกระทำ นั่นคือการเชื่อฟังพระคำของพระองค์ การเชื่อฟังนำไปสู่ประสบการณ์อันล้ำลึกของการสถิตอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา
ยอห์น 14 เป็นบทที่สอนให้เราเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนด้วย ความเชื่อมั่นในพระเยซูคริสต์ ในฐานะ ทางเดียวสู่พระเจ้า โดยมี พระวิญญาณบริสุทธิ์ คอยช่วยเหลือและนำพาเราในปัจจุบัน พร้อมด้วย ความหวังในสวรรค์ ในอนาคต สิ่งที่เราต้องทำคือ รัก และ เชื่อฟัง พระองค์