เรื่องย่อ

กิจการ 7 เล่าคำพูดของสเทเฟนต่อสภา ชี้ให้เห็นประวัติความซื่อสัตย์ของพระเจ้าแก่ชนอิสราเอลตั้งแต่อับราฮัม โยเซฟ โมเสส พร้อมตักเตือนว่าพวกเขามักแข็งกระด้างและต่อต้านผู้เผยพระวจนะ สุดท้ายสเทเฟนเห็นนิมิตพระเยซูทรงยืนเบื้องขวาพระเจ้า ถูกหินขว้างจนตาย และซาอูลเห็นชอบด้วย กิจการ 8 ต่อจากนั้นเกิดการข่มเหงคริสตจักรในเยรูซาเล็ม ทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ไปยังสะมาเรียและยูเดีย ฟีลิปประกาศข่าวประเสริฐทำหมายสำคัญ คนมากมายเชื่อ รวมทั้งซีโมนนักอาคม ต่อมาเปโตรกับยอห์นมาวางมือให้ผู้เชื่อได้รับพระวิญญาณ และฟีลิปนำขันทีเอธิโอเปียเชื่อและรับบัพติศมา ก่อนที่พระวิญญาณจะพาฟีลิปไปประกาศต่อในเมืองต่างๆ

สเทเฟนถูกชาวยิวที่ไม่เชื่อกล่าวหาอย่างผิดๆ และถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีต่อหน้าสภาซันเฮดริน ซึ่งเป็นสภาปกครองสูงสุด ในคำให้การแก้ต่างของเขา สเทเฟนไม่ได้กล่าวถึงตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่กลับนำเสนอเรื่องราวพระกิตติคุณอย่างกล้าหาญ โดยเน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าทรงติดตามประชากรของพระองค์ ซึ่งมักจะปฏิเสธพระองค์เสมอมา การที่พวกเขาได้สังหารผู้เผยพระวจนะและสุดท้ายก็สังหารพระบุตรผู้ชอบธรรมของพระองค์เอง คำกล่าวนี้ทำให้สภาซันเฮดรินโกรธแค้นอย่างรุนแรง เพราะมันชี้ให้เห็นว่าภาระแห่งความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือการสังหารพระเยซูคริสต์ เป็นความรับผิดชอบของพวกเขา แม้ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้น สเทเฟนกลับสงบและได้รับนิมิตเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระบิดา ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่าพระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อเป็นทนายแก้ต่าง หรือเพื่อต้อนรับสเทเฟนเข้าสู่นิรันดร

หลังจากที่สเทเฟนประกาศสิ่งที่เขาเห็น ชาวซันเฮดรินก็ร้องเสียงดังและลากเขาออกไปนอกเมืองเพื่อปาหินใส่เขา สเทเฟนจึงกลายเป็นมรณสักขีคนแรกของคริสตจักร โดยมีเซาโลซึ่งเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลยืนอยู่และเห็นชอบกับการกระทำนี้ การตายของสเทเฟนได้จุดชนวนให้เกิดการข่มเหงคริสเตียนอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากเซาโลที่ออกตามล่าและจับกุมคริสเตียนในกรุงเยรูซาเล็ม เหตุการณ์นี้ทำให้คริสเตียนต้องกระจัดกระจายไปทั่ว ยกเว้นอัครทูต ฟีลิป หนึ่งในผู้ที่หนีไป ได้นำข่าวประเสริฐไปยังสะมาเรีย ที่ซึ่งเขาเทศนาและทำการอัศจรรย์ ทำให้ชาวสะมาเรียจำนวนมากกลับใจและรับบัพติศมา เมื่ออัครทูตเปโตรและยอห์นเดินทางมาตรวจสอบ พวกเขาพบว่าแม้ชาวสะมาเรียจะรับบัพติศมาด้วยน้ำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ การประกาศของฟีลิปและอัครทูตยังดึงดูดความสนใจของซีโมนนักวิทยาคม ผู้ซึ่งพยายามจะซื้ออำนาจของพระเจ้าเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่ถูกเปโตรตำหนิอย่างรุนแรงว่าเป็นความเห็นแก่ตัว.

หลังจากนั้น ทูตสวรรค์ได้นำฟีลิปไปยังถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเขาได้พบกับข้าราชการชาวเอธิโอเปียที่กำลังสับสนกับพระวจนะในหนังสืออิสยาห์ ฟีลิปเริ่มต้นจากข้อความนั้นและอธิบายข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ให้กับข้าราชการผู้นี้อย่างชัดเจน ทำให้ความสับสนของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจและความยินดีอย่างยิ่ง เขาจึงขอรับบัพติศมาทันที และหลังจากที่เขาได้เชื่อและรับบัพติศมา ฟีลิปก็หายตัวไปอย่างปาฏิหาริย์ (อาจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพาไป) แล้วไปปรากฏตัวอีกครั้งที่ชายฝั่ง เพื่อดำเนินพันธกิจต่อไป เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการทรงนำของพระเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐไปยังผู้คนต่างชาติพันธุ์และต่างวัฒนธรรม

ข้อคิด: กิจการ 7-8

แม้ว่าสภาซันเฮดรินจะพยายามหยุดยั้งการแพร่กระจายของข่าวประเสริฐด้วยการสังหารสเทเฟน แต่พระเจ้ากลับทรงพลิกสถานการณ์นี้ให้เกิดผลดีอย่างคาดไม่ถึง การข่มเหงอย่างรุนแรงในกรุงเยรูซาเล็มทำให้ผู้เชื่อต้องกระจัดกระจายออกไป แต่แทนที่จะหลบซ่อนด้วยความกลัว พวกเขากลับนำข่าวประเสริฐติดตัวไปด้วยและประกาศพระวจนะไปทุกที่ที่พวกเขาไป ดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า "ส่วนคนทั้งหลายที่กระจัดกระจายไปนั้น ก็ได้ไปทั่วประกาศพระวจนะ" (กิจการ 8:4) ความกลัวต่อการถูกข่มเหงไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ เพราะพวกเขามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงใช้พวกเขาเพื่อทำให้ภารกิจของพระองค์สำเร็จลุล่วง ซึ่งเป็นที่มาของความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง

คำถาม

1.   เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านอย่างรุนแรง การเข้าใจผิด คุณจะรักษาความซื่อสัตย์ต่อความเชื่อและวัตถุประสงค์ของคุณได้อย่างไร? (พิจารณาถึงแบบอย่างของสเตเฟนในกิจการ 7 ผู้ซึ่งประกาศความจริงอย่างกล้าหาญแม้จะต้องจบชีวิตลง รวมถึงการที่เหล่าสาวกถูกข่มเหงและต้องกระจัดกระจายไปแต่ก็ยังคงประกาศพระวจนะอยู่เสมอในกิจการ 8 วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณคืออะไรที่สำคัญพอที่คุณจะยอมจ่ายแม้กระทั่งราคาที่สูงลิบลิ่ว และสิ่งใดที่หล่อเลี้ยงความกล้าหาญของคุณในสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุด?)

2.   เมื่อชีวิตพาคุณไปสู่สถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจอยู่นอกเหนือ "แผนการ" เดิมของคุณ คุณจะยังคงเปิดใจที่จะรับใช้และค้นพบวัตถุประสงค์ใหม่ ๆ ได้อย่างไร? (ไตร่ตรองถึงฟีลิปในกิจการ 8 ที่ถูกนำโดยพระวิญญาณไปประกาศข่าวประเสริฐในสะมาเรียและกับขันทีชาวเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นการเปิดพรมแดนใหม่ในการประกาศ และการที่เขาแยกแยะความแตกต่างระหว่างความปรารถนาที่แท้จริงของขันทีกับการพยายามซื้ออำนาจฝ่ายวิญญาณของซีโมน วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณคืออะไรที่ทำให้คุณเต็มใจที่จะก้าวออกจากขอบเขตความคุ้นเคย และคุณจะใช้สติปัญญาใดในการมองเห็นโอกาสในการรับใช้ที่แท้จริงและหลีกเลี่ยงแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์?)

กิจการ บทที่ 7 มีข้อคิดที่สำคัญหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่คำให้การและการพลีชีพของ สเทเฟน ผู้เป็นมรณสักขีคนแรกของคริสตจักร:

การยืนหยัดในความเชื่อและความจริง

• ความกล้าหาญในการประกาศข่าวประเสริฐ: สเทเฟนได้ยืนหยัดประกาศความจริงของพระเจ้าและชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของผู้นำชาวยิว แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต คำให้การของเขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่จะกล่าวสิ่งที่ "สวนทางกับความต้องการของโลก" หรือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟัง (1.1, 1.6, 1.7)
• การไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดัน: แม้ถูกกล่าวหาและต้องแก้ต่าง สเทเฟนก็ไม่ได้พยายาม "อลุ่มอล่วย" หรือ "เอาตัวรอด" แต่กลับใช้โอกาสนี้ประกาศความจริงอย่างเต็มที่ (1.2)
• การเห็นแก่พระเจ้ามากกว่ามนุษย์: สเทเฟนให้ความสำคัญกับการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และแผนการของพระเจ้า แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

• การเผชิญหน้าความทุกข์ด้วยสันติสุข: ขณะที่กำลังถูกขว้างด้วยหินจนเสียชีวิต สเทเฟน "เงยหน้าดูฟ้าสวรรค์แล้วเห็นพระสิริของพระเจ้า" ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสง่าราศีและเขาสงบ (กิจการ 7:55-56) สิ่งนี้สอนว่าเมื่อเราเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะสามารถเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายได้ราวกับอยู่ในสวรรค์ (1.6)
• การอธิษฐานเผื่อศัตรู: ก่อนตาย สเทเฟนได้อธิษฐานขอให้พระเจ้าอย่าถือโทษการกระทำของคนที่ฆ่าเขา (กิจการ 7:60) ซึ่งเป็นการเลียนแบบการกระทำของพระเยซูอย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงความรักและความเมตตาที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1.6)

บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

• การดื้อดึงและการปฏิเสธ: สเทเฟนชี้ให้เห็นว่าประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเต็มไปด้วยการดื้อดึง และปฏิเสธผู้ที่พระเจ้าส่งมาให้เป็นผู้ช่วยนำทาง ตั้งแต่โมเสสจนถึงผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ และในที่สุดก็ปฏิเสธและฆ่าพระเยซูคริสต์ ผู้ที่พระเจ้าส่งมาเพื่อช่วยพวกเขา (1.6, 1.9)
• ความจริงเกี่ยวกับพระวิหาร: สเทเฟนเน้นย้ำว่า "องค์ผู้สูงสุดไม่ได้สถิตในวิหารที่มนุษย์สร้างขึ้น" (กิจการ 7:48) ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่ทรงอยู่กับผู้ที่เชื่อและดำเนินชีวิตตามพระคำของพระองค์

กิจการบทที่ 7 คือเรื่องราวของการเป็นพยานที่กล้าหาญของสเทเฟน ซึ่งนำไปสู่การพลีชีพอย่างสง่างาม และเป็นเครื่องยืนยันถึงการประทับอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อข่าวประเสริฐ