เรื่องย่อ
กิจการบทที่ 15-16 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการขยายพันธกิจของคริสตจักร โดยบทที่ 15 บันทึกการประชุมสภาที่กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งตัดสินว่าผู้เชื่อต่างชาติไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัตหรือปฏิบัติตามธรรมบัญญัติโมเสส แต่ให้ละเว้นบางอย่างเพื่อความสามัคคี หลังจากนั้นเปาโลกับบารนาบัสก็ได้แยกทางกันออกไปประกาศข่าวประเสริฐเนื่องจากความขัดแย้งเรื่องมาระโก ส่วนบทที่ 16 เปาโลเริ่มต้นการเดินทางครั้งที่สองกับสิลาสและทิโมธี โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพวกเขาผ่านนิมิต "เสียงเรียกจากมาซิโดเนีย" เข้าสู่ยุโรปเป็นครั้งแรก ที่เมืองฟิลิปปี พวกท่านได้ก่อตั้งคริสตจักรโดยการกลับใจของลิเดียและผู้คุมเรือนจำ รวมถึงครอบครัวของเขา หลังจากที่เปาโลและสิลาสถูกจับกุม โบยตี และจำคุก แต่พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ด้วยแผ่นดินไหว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการทรงนำของพระเจ้าในการขยายข่าวประเสริฐไปสู่คนต่างชาติและเข้าสู่ทวีปยุโรป
ผู้สอนจากเยรูซาเล็มได้ก่อความวุ่นวายในเมืองอันทิโอกด้วยคำสอนเรื่องการเข้าสุหนัต ทำให้เปาโลและบารนาบัสเดินทางไปยังเยรูซาเล็มเพื่อแก้ไขปัญหาในการประชุมสภา เปโตรชี้ว่าพระเจ้าทรงรับคนต่างชาติด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยไม่ต้องเข้าสุหนัต ดังนั้นการบังคับใช้ธรรมบัญญัติจึงเป็นการวางภาระที่หนักเกินไปและเป็นการทดลองพระเจ้า ยากอบยืนยันว่าสิ่งนี้เป็นไปตามคำทำนายของอาโมสและเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในคริสตจักร สภาจึงตัดสินใจกำหนดให้ผู้เชื่อต่างชาติละเว้นจากสิ่งที่บูชายัญรูปเคารพ, เลือด, สัตว์ที่ถูกรัดคอ และการผิดศีลธรรมทางเพศ ไม่ใช่เพื่อความรอด แต่เพื่อส่งเสริมความสามัคคีในหมู่ผู้เชื่อจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งนำความชื่นชมยินดีมาสู่คริสตจักร
หลังการประชุม เปาโลและบารนาบัสแยกทางกันเรื่องจอห์น มาระโก ซึ่งนำไปสู่การขยายงานมิชชันนารีมากยิ่งขึ้น เปาโลเดินทางต่อพร้อมกับสิลาส และได้พบกับทิโมธีที่เมืองลิสตรา เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคในการประกาศข่าวประเสริฐแก่ชาวยิว เปาโลจึงให้ทิโมธีเข้าสุหนัต การเดินทางของพวกเขาได้รับการนำทางอย่างระมัดระวังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และนิมิต ที่เมืองฟีลิปปี พระเจ้าทรง "เปิดใจ" ของลิเดียให้รับฟังข่าวสารของเปาโล ทำให้เธอและครอบครัวเชื่อและรับบัพติศมา แสดงให้เห็นถึงการทรงงานของพระเจ้าในการเปิดใจผู้คนให้ยอมรับพระกิตติคุณ
ที่ฟีลิปปี เปาโลและสิลาสได้ขับไล่ผีออกจากเด็กหญิงที่ถูกผีสิง ทำให้เจ้านายของเธอจับกุมและกล่าวหาพวกเขาว่าก่อกวนความสงบ พวกเขาถูกทุบตีและจองจำ แต่ก็ยังคงสรรเสริญพระเจ้าในคุก เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผู้คุมคุกคิดว่านักโทษหนีไปแล้วและพยายามฆ่าตัวตาย แต่เปาโลปลอบโยนเขา ผู้คุมจึงถามถึงหนทางแห่งความรอดและได้รับคำตอบว่า "จงเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า" ซึ่งนำไปสู่การที่เขาและครอบครัวเชื่อและรับบัพติศมาในคืนนั้น เปาโลและสิลาสยอมสละอิสรภาพเพื่อช่วยชีวิตผู้คุมคุก จากนั้นผู้พิพากษาก็ปล่อยพวกเขาเป็นอิสระและขอโทษในที่สุด เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและความจริงเรื่องความรอดโดยพระคุณผ่านความเชื่อ
ข้อคิด: กิจการ 15-16
พระเจ้าทรงชำระใจของเราให้บริสุทธิ์ผ่านทางความเชื่อ ดุจดังช่างเงินใช้ไฟชำระเพื่อขจัดสิ่งเจือปนและขัดเกลาให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ความเชื่อในพระเจ้าที่อยู่ในใจเรานั้นขับไล่ความไม่ดีออกไป และเป็นที่น่ายินดีที่พระองค์ทรงเป็นผู้ที่กระทำสิ่งนี้ และในพระองค์นั่นแหละคือบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดีที่แท้จริง!
คำถาม
1. เมื่อเผชิญกับความเห็นที่แตกต่างหรือความขัดแย้งเกี่ยวกับวิธีการหรือรายละเอียดในการบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน คุณจะแยกแยะได้อย่างไรว่าอะไรคือแก่นแท้ที่ต้องยึดมั่น และอะไรคือสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือประนีประนอมได้เพื่อรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน? (พิจารณาจากการประชุมในกรุงเยรูซาเล็มในกิจการ 15 ที่เหล่าอัครทูตและผู้ปกครองต้องตัดสินใจว่าคนต่างชาติต้องทำตามธรรมเนียมยิวหรือไม่ และการตัดสินใจที่เน้นถึงแก่นแท้ของความเชื่อและเลิกสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณมีหลักการพื้นฐานที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อะไรบ้าง และคุณจะใช้สติปัญญาและความถ่อมใจในการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีมุมมองแตกต่างกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร?)
2. เมื่อแผนการดำเนินชีวิตหรือวัตถุประสงค์ที่คุณวางไว้ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน หรือคุณพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือยากลำบาก คุณจะเปิดรับการนำทางใหม่ๆ และค้นพบโอกาสในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในสถานการณ์นั้นได้อย่างไร? (ไตร่ตรองถึงการที่เปาโลถูกนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เดินทางไปมาซิโดเนีย (กิจการ 16:6-10) แทนที่จะไปเอเชีย และการที่เขาและสิลาสถูกจับเข้าคุกในเมืองฟีลิปปี แต่กลับนำไปสู่การกลับใจของผู้คุมเรือนจำ วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณคืออะไรที่ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และคุณจะมองเห็น "ประตูที่เปิดออก" หรือโอกาสในการรับใช้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเป็น "ทางตัน" ได้อย่างไร?)
กิจการ บทที่ 15 มาจากการประชุมใหญ่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ตัดสินประเด็นเกี่ยวกับ การเข้าเป็นคริสเตียนของคนต่างชาติ และความสัมพันธ์ระหว่าง ธรรมบัญญัติของโมเสส กับ พระคุณโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
สาระสำคัญ: การประชุมที่กรุงเยรูซาเล็ม
การประชุมนี้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขความขัดแย้งที่สำคัญเกี่ยวกับผู้เชื่อที่มาจากคนต่างชาติ (ที่ไม่ใช่ชาวยิว) โดยมีข้อสรุปที่สำคัญดังนี้:
1. การรอดพ้นจากพันธะของธรรมบัญญัติ (ข้อ 1-11)
- ประเด็นปัญหา: ผู้เชื่อบางคน (มาจากฝ่ายฟาริสี) ยืนยันว่าคนต่างชาติต้องเข้าสุหนัต และ ถือตามธรรมบัญญัติของโมเสส จึงจะได้รับความรอด
- คำตอบของเปโตร: เปโตรชี้แจงว่า พระเจ้าทรงยอมรับคนต่างชาติ โดยประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่พวกเขา เช่นเดียวกับที่ประทานแก่ชาวยิว และทรงชำระใจของพวกเขาด้วย ความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยการถือธรรมบัญญัติ
- ข้อสรุป: เปโตรสรุปว่าการวางแอก (ธรรมบัญญัติ) บนคอของคนต่างชาติเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นและเกินเลย เพราะทั้งชาวยิวและคนต่างชาติได้รับความรอดโดยพระคุณของพระเยซูคริสต์ เช่นเดียวกัน
2. ข้อตกลงโดยมติเอกฉันท์ (ข้อ 12-29)
- คำให้การของบาร์นาบัสและเปาโล: พวกเขาเล่าถึงหมายสำคัญและอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงทำผ่านพวกเขาในหมู่คนต่างชาติ เป็นหลักฐานยืนยันการยอมรับของพระเจ้า
- คำแนะนำของยากอบ (ผู้นำที่เยรูซาเล็ม): ยากอบอ้างพระคัมภีร์เดิม (อาโมส 9:11-12) เพื่อยืนยันว่า การรับคนต่างชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรของพระเจ้าเป็นไปตามพระประสงค์เดิม
- มติเอกฉันท์: คณะอัครทูตและผู้ปกครองเห็นพ้องต้องกันที่จะไม่ทำให้คนต่างชาติลำบากใจด้วยการบังคับให้ถือธรรมบัญญัติ
3. การดำรงชีวิตที่บริสุทธิ์ (ข้อ 20, 28-29)
แม้จะยืนยันว่าความรอดมาจากความเชื่อ ไม่ใช่การถือธรรมบัญญัติ แต่คณะอัครทูตได้ตกลงให้ส่งจดหมายไปถึงผู้เชื่อคนต่างชาติ โดยขอให้พวกเขาละเว้นจากบางสิ่ง เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีและหลีกเลี่ยงการสะดุดระหว่างชาวยิวกับคนต่างชาติ:
- สิ่งที่ต้องละเว้น:
1. การบูชาเทวรูป (สิ่งที่สังเวยแก่รูปเคารพ)
2. การผิดศีลธรรมทางเพศ (การล่วงประเวณี)
3. เนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอ
4. โลหิต
ข้อคิดสำคัญที่ได้จาก กิจการ 15
- ความรอดโดยพระคุณเท่านั้น: ข้อคิดหลักคือ ความรอดเป็นของประทานจากพระเจ้าโดยทางพระคุณ ผ่านความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่มารยาทพิธีการ หรือการกระทำตามธรรมบัญญัติ (ข้อ 11)
- การอ้างอิงพระคัมภีร์: เมื่อเกิดความขัดแย้งในเรื่องคำสอน ผู้นำคริสตจักรยุคแรกใช้อำนาจของ พระคัมภีร์ (คำพยากรณ์ของอาโมส) เป็นเครื่องตัดสินสุดท้าย
- ความรักนำไปสู่การปรองดอง: แม้จะมีความเป็นอิสระจากธรรมบัญญัติ แต่ก็มีการตกลงกันให้ผู้เชื่อคนต่างชาติละเว้นจากบางอย่าง เพื่อความรักและสามัคคีธรรมในหมู่ผู้เชื่อทั้งหมด (เพื่อไม่ให้เป็นเหตุให้ชาวยิวสะดุด)
- การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์: ผู้นำกล่าวว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์และพวกเราเห็นชอบ" (ข้อ 28) แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจของคริสตจักรมีพื้นฐานจากการอธิษฐาน การอ้างอิงพระคัมภีร์ และการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์