เรื่องย่อ
ท่ามกลางความสับสนอลหม่านเกี่ยวกับการใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณในคริสตจักรโครินธ์ อัครทูตเปาโลได้ทรงมอบแผนผังอันชัดเจนเพื่อนำทางพวกเขาไปสู่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและพลังฝ่ายวิญญาณ โดยเริ่มจากการอธิบายว่าแม้ของประทานจะหลากหลาย เช่น การพูดภาษาแปลกๆ การพยากรณ์ การรักษาโรค แต่ทั้งหมดล้วนมาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน เพื่อสร้างเสริมพระกายของพระคริสต์ที่เปรียบเสมือนอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ทว่าเหนือกว่าของประทานทั้งหมด เปาโลได้เน้นย้ำถึง "ทางที่เลิศกว่า" นั่นคือ "ความรัก" ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด เพราะหากปราศจากความรัก แม้จะทำสิ่งอัศจรรย์ได้มากมายก็ไร้ความหมาย และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการนมัสการ ท่านจึงสอนว่าการพยากรณ์นั้นเป็นประโยชน์มากกว่าการพูดภาษาแปลกๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ เพราะการพยากรณ์ช่วยสร้างเสริมและหนุนใจคนในคริสตจักร และทุกสิ่งทุกอย่างควรจะทำไปอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้การนมัสการเป็นไปเพื่อการก่อสร้างและการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง
เปาโลแก้ไขปัญหาในคริสตจักรโครินธ์เกี่ยวกับการขาดความเข้าใจเรื่องของประทานฝ่ายวิญญาณ โดยชี้แจงว่าของประทานเหล่านี้มาจากพระวิญญาณ ไม่ใช่การประเมินบุคลิกภาพหรือความสามารถตามธรรมชาติ การรู้จักของประทานของเราสามารถทำได้โดยการสังเกตว่าการมีอยู่ของเราเสริมสร้างคริสตจักรได้อย่างไร และเราสามารถทูลขอของประทานจากพระเจ้าได้ ซึ่งแสดงว่าของประทานเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้และผู้ให้คือพระเจ้าเสมอ นอกจากนี้ ยังมีมุมมองที่แตกต่างกันว่าของประทานเหล่านี้ยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบันหรือไม่
ชาวโครินธ์ให้ความสำคัญกับการพูดภาษาแปลก ๆ มากเกินไป แต่เปาโลจัดอันดับให้ของประทานนี้อยู่ท้ายสุดในลำดับชั้นของเขา โดยเน้น "ของประทานที่ยิ่งใหญ่กว่า" ท่านสอนว่าการใช้ของประทานใด ๆ ต้องมีแรงจูงใจจากความรัก มิฉะนั้นจะไม่มีประโยชน์ เพราะความรักเป็นสิ่งเดียวที่คงอยู่ตลอดไป แม้ความเชื่อและความหวังจะสิ้นสุดลง ท่านยังแยกแยะระหว่าง "ภาษาแห่งการอธิษฐาน" ที่เป็นการสื่อสารกับพระเจ้า และการพูดภาษาแปลก ๆ ที่ต้องมีการตีความเพื่อประโยชน์ของคริสตจักร โดยท่านเน้นว่าการเผยพระวจนะมีคุณค่ามากกว่าในการเสริมสร้างส่วนรวม
ส่วนประเด็นเรื่องผู้หญิงไม่ควรพูดในที่ประชุมนั้น เปาโลไม่ได้ห้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจากท่านอนุญาตให้ผู้หญิงเผยพระวจนะและอธิษฐานได้ในบทอื่น ๆ ข้อความนี้อาจหมายถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในโครินธ์ เช่น การพูดคุยที่รบกวนการนมัสการ หรือการที่ผู้หญิงเรียกสามีจากภายนอกบริเวณที่ประชุม ซึ่งสร้างความไม่สงบ ท่านมุ่งเน้นที่การสร้างสันติสุข ระเบียบ และความเคารพซึ่งกันและกันในคริสตจักร ไม่ใช่การปิดกั้นของประทานของผู้หญิง ดังที่ท่านยืนยันถึงการทำงานร่วมกันกับสตรีในพันธกิจอื่น ๆ
ข้อคิด: 1 โครินธ์ 12-14
พระเจ้าทรงรักความหลากหลายและทรงแสดงพระสิริอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านมุมมอง พื้นผิว และสีสันอันแตกต่างกันในชีวิตของเรา การที่พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อเราด้วย เพราะโดยการทรงทำงานของพระเจ้าในเรา เราจึงส่งเสริมซึ่งกันและกัน พระองค์ไม่ได้สร้างอาณาจักรที่ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาหรือกระทำเหมือนกัน แต่ทรงประทานของประทานที่เป็นเอกลักษณ์แก่คริสตจักรที่หลากหลายของพระองค์ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์และเชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบตามที่พระองค์เท่านั้นทรงกระทำได้ ซึ่งสิ่งนี้แหละคือบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง
คำถาม
1. ทำไมเปาโลจึงเปรียบเทียบคริสตจักรเป็นเหมือน "ร่างกายเดียว" ที่มีอวัยวะหลายส่วน และเน้นย้ำว่าของประทานที่ดูเหมือนต่ำต้อยก็ยังมีความจำเป็น (บทที่ 12)? การจัดระเบียบเช่นนี้ท้าทายค่านิยมของเราที่มักแสวงหาของประทานที่โดดเด่นหรือ "อยู่หน้าเวที" ให้กลับมาพิจารณาเป้าหมายที่แท้จริงอย่างไร? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการประทานของประทานฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่เพื่อสร้างลำดับชั้นความสำคัญหรือเพื่อความภูมิใจส่วนตัว แต่เพื่อ "ประโยชน์ร่วมกัน" ของกายทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าความสำเร็จไม่ได้วัดที่ความสามารถของปัจเจกบุคคล แต่วัดที่ความสามัคคีและการเกื้อกูลกันของชุมชน)
2. ในบทที่ 14 เมื่อเปาโลให้ความสำคัญกับการ "เผยพระวจนะ" (ที่คนฟังรู้เรื่อง) มากกว่าการ "พูดภาษาแปลกๆ" (ที่ไม่มีคนแปล) โดยให้เหตุผลเรื่อง "การเสริมสร้าง" คริสตจักร หลักการนี้ควรเปลี่ยนทิศทางของการนมัสการหรือกิจกรรมในคริสตจักร จากการมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ลี้ลับส่วนบุคคล ไปสู่สิ่งใด? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์สูงสุดของการใช้ของประทานในที่สาธารณะ คือการสื่อสารความจริงที่ทำให้พี่น้อง "เข้าใจ" "ได้รับคำชูใจ" และ "เติบโตขึ้น" โดยต้องผ่านตัวกรองสำคัญคือ "ความรัก" (บทที่ 13) เพราะหากกิจกรรมนั้นดูศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็ถือว่าผิดวัตถุประสงค์)
1 โครินธ์ บทที่ 12 คือเรื่องของ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Unity) ในความหลากหลายของ ของประทานฝ่ายจิตวิญญาณ (Spiritual Gifts) โดยใช้การเปรียบเทียบ คริสตจักร กับ ร่างกายมนุษย์ ครับ
1. ของประทานฝ่ายจิตวิญญาณและความหลากหลาย
ข้อคิด: แหล่งที่มาเดียว จุดประสงค์ร่วมกัน
- มาจากองค์เดียวกัน: มีของประทานมากมายที่แตกต่างกัน (เช่น การกล่าวภาษาแปลก ๆ, การรักษาโรค, การพยากรณ์, การสอน, การอุปการะ ฯลฯ) แต่ทั้งหมดล้วนมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน
- เพื่อประโยชน์ร่วมกัน: ของประทานเหล่านี้ถูกมอบให้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน หรือเพื่อเสริมสร้างและรับใช้พระกายของพระคริสต์ ไม่ใช่เพื่อความโดดเด่นส่วนตัวของผู้รับ
- การแจกจ่าย: พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมอบของประทานเหล่านี้แก่แต่ละคน ตามที่พระองค์ทรงเห็นสมควร ไม่มีใครควรเปรียบเทียบหรืออิจฉาของประทานของผู้อื่น
2. คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์
ข้อคิด: ทุกคนสำคัญและพึ่งพาอาศัยกัน
- ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน: ผู้เชื่อทุกคนเป็นเหมือนอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ (ตา, หู, มือ, เท้า) ซึ่งถึงแม้จะมีหน้าที่ต่างกัน แต่ก็รวมกันเป็นร่างกายเดียว และเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระคริสต์
- ความจำเป็นของทุกส่วน: ไม่มีอวัยวะใดที่สามารถพูดว่า "ฉันไม่ต้องการคุณ" ได้ เพราะทุกส่วนล้วนจำเป็นและขาดไม่ได้ แม้ส่วนที่ดูอ่อนแอหรือไม่โดดเด่นก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง (1 โครินธ์ 12:22-23)
- การห่วงใยซึ่งกันและกัน: ทุกส่วนต้องมีความห่วงใยซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมกัน เมื่ออวัยวะหนึ่งเจ็บปวด อวัยวะอื่นก็เจ็บปวดด้วย เมื่ออวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะอื่นก็ชื่นชมยินดีด้วย แสดงถึงความ ผูกพัน และความสามัคคี
เราควรตระหนักว่าเราทุกคนในคริสตจักรเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเดียวกัน แม้จะมีของประทานและบทบาทที่แตกต่างกัน เราจึงควรยอมรับและชื่นชมคุณค่าของผู้อื่นและของประทานของพวกเขา แทนที่จะอิจฉาหรือดูถูก โดยใช้ของประทานของตนเองอย่างถ่อมใจ เพื่อรับใช้และสร้างเสริมผู้อื่นและคริสตจักรโดยรวม และเหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาความสามัคคี และการแสดงความห่วงใยซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม เพื่อให้พระกายของพระคริสต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์