Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โรม 1

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โรม 2

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โรม 3

เรื่องย่อ

ด้วยความกล้าหาญที่ท้าทายทุกข้ออ้างของมนุษย์ อัครทูตเปาโลได้ฉีกม่านแห่งการปฏิเสธความจริง และเปิดเผยสภาพที่แท้จริงของมนุษยชาติภายใต้การพิพากษาของพระเจ้า ในโรม 1-3 เปาโลเริ่มต้นด้วยการแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติที่ละเลยพระเจ้า หันไปกราบไหว้รูปเคารพ และจมดิ่งในความบาปทุกรูปแบบ หรือแม้แต่ชาวยิวที่ภูมิใจในธรรมบัญญัติ แต่กลับไม่รักษาและยังตัดสินผู้อื่น ล้วนแต่ไม่มีข้อแก้ตัวและอยู่ใต้การพิพากษาอันชอบธรรมของพระเจ้าทั้งสิ้น ท่านยืนยันว่าการรู้ธรรมบัญญัติหรือการเข้าสุหนัตภายนอกไร้ประโยชน์ หากใจยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่พระเจ้าจะตัดสินคือการกระทำที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่เปลือกนอก ท้ายที่สุด เปาโลสรุปอย่างชัดเจนว่า "เพราะว่าคนทั้งปวงทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า" ไม่มียิวหรือต่างชาติคนใดชอบธรรมเลยแม้แต่คนเดียว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องรับความชอบธรรมจากพระเจ้าโดยทางพระคุณ ผ่านความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น

 

เมื่อชาวยิวกลับมายังกรุงโรมหลังจากการถูกขับไล่ พวกเขาพบว่าคริสตจักรได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากอิทธิพลของคนต่างชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความแตกแยกและความไม่พอใจอย่างมาก เปาโลจึงเขียนจดหมายถึงชาวโรมันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยมีข่าวประเสริฐเป็นแก่นหลักของคำตอบ เขาเขียนถึงผู้เชื่อทุกคนในกรุงโรม ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ ผู้ที่พระเจ้าทรงรักและทรงเรียกให้เป็นวิสุทธิชน โดยเน้นว่าพระคริสต์ประทานของประทานแห่งพระคุณ การเชื่อฟัง ความเชื่อ และการเป็นอัครสาวกแก่พวกเขาทั้งหมด

เปาโลประกาศข่าวประเสริฐว่าจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาในโลกที่เสื่อมทราม และหลายคนยอมจำนนต่อความเสื่อมนั้น แม้ว่าความจริงเกี่ยวกับพระผู้สร้างจะปรากฏชัดเจน แต่พวกเขากลับเพิกเฉยและกดข่มความจริงนั้นลง ทำให้ไม่ให้เกียรติหรือไม่ขอบพระคุณพระเจ้า สิ่งนี้นำไปสู่จิตใจที่แข็งกระด้าง การบูชาสิ่งที่ถูกสร้างแทนพระผู้สร้าง และการดำเนินชีวิตที่บิดเบือนไปจากธรรมชาติ พระเจ้าทรงตอบสนองด้วย "พระพิโรธแบบเฉยเมย" คือการปล่อยให้มนุษย์ดำดิ่งอยู่ในความบาปของตนเอง โดยไม่มีการกลับใจและไม่มีความรู้สึกผิด

แม้ว่าผู้เชื่อในพระคริสต์จะไม่ต้องประสบกับพระพิโรธของพระเจ้า แต่เปาโลย้ำเตือนว่าทุกคนเคยอยู่ในสภาพที่สมควรได้รับการพิพากษา การระลึกถึงพระคุณที่ได้รับจึงนำมาซึ่งความถ่อมใจ ไม่ใช่ความหยิ่งผยอง และชี้ชัดว่าพระคุณไม่ใช่ใบอนุญาตให้ทำบาป แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เปาโลยังกล่าวถึงผู้อ่านชาวยิวว่า การมีธรรมบัญญัติหรือเป็นชาวยิวโดยกำเนิดไม่ได้ทำให้พ้นจากการพิพากษาอันชอบธรรมของพระเจ้า เพราะธรรมบัญญัติมีไว้เพื่อเปิดเผยพระเจ้าและความต้องการความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่จากพระองค์ ท้ายที่สุด พระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดเพียงผู้เดียวสำหรับทุกเชื้อชาติ และของประทานแห่งความเชื่อและความรอดนั้นเกิดขึ้นในใจที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งนำไปสู่การเชื่อฟังและถวายเกียรติแด่พระเจ้า

 

ข้อคิด: โรม 1- 3

แม้ว่าทุกคนจะทำบาปและขาดสง่าราศีของพระเจ้า แต่พระองค์ก็ทรงให้ทุกคนเป็นผู้ชอบธรรมโดยพระคุณของพระองค์โดยไม่คิดมูลค่า ผ่านทางการไถ่ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ ของประทานเหล่านี้—พระคุณ ความเชื่อ ความชอบธรรม และการไถ่—ล้วนมาจากพระองค์ ผู้ประทานสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราไม่รู้ว่าต้องการ และพระองค์คือแหล่งแห่งความชื่นชมยินดี

 

คำถาม

1.   ทำไมเปาโลถึงใช้พื้นที่เกือบสามบทแรกเพื่อพิสูจน์อย่างหนักแน่นว่า "ไม่มีใครเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว" ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติที่ทำบาปชัดเจน หรือชาวยิวที่มีพระบัญญัติ การเปิดเผยความจริงที่น่าหดหู่นี้มีเจตนาเพื่อพาเราไปสู่จุดใดก่อนที่จะรับข่าวประเสริฐ? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการประกาศธรรมบัญญัติและการชี้ให้เห็นความบาป คือการ "ปิดปาก" ทุกข้อแก้ตัวของมนุษย์ เพื่อทำลายความมั่นใจผิดๆ ที่ว่าเราดีพอ และเตรียมใจให้ยอมจำนนว่าเราจำเป็นต้องพึ่งพา "พระคุณ" ของพระเจ้าเพียงอย่างเดียว ตามโรม 3:19-20)

2.   ในโรมบทที่ 3 เมื่อเปาโลกล่าวว่าพระเจ้าทรงตั้งพระเยซูให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อสำแดง "ความชอบธรรม" ของพระองค์ การกระทำนี้ช่วยตอบคำถามว่า ทำไมพระเจ้าผู้ทรงเมตตาจึงไม่เพียงแค่ "ยกโทษ" ให้มนุษย์เฉยๆ โดยไม่ต้องมีการหลั่งเลือดบนกางเขน? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของการไถ่บาป ไม่ใช่เพียงเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดเท่านั้น แต่เพื่อรักษา "ความยุติธรรม" ของพระเจ้า โดยพระองค์ต้องพิพากษาโทษของบาปอย่างสาสมที่พระกายของพระเยซู เพื่อพระองค์จะทรงเป็นทั้ง "ตุลาการที่ยุติธรรม" และ "ผู้ประทานความชอบธรรม" แก่คนที่เชื่อได้ในเวลาเดียวกัน ตามโรม 3:25-26)

 

 

โรม บทที่ 3 มีข้อคิดที่สำคัญและลึกซึ้งหลายประการ โดยหลัก ๆ คือการเน้นย้ำถึงความชอบธรรมโดยความเชื่อ และ ความเป็นคนบาปของมนุษย์ทุกคน

1. ความเป็นคนบาปของมนุษย์ทุกคน

  • ทุกคนเป็นคนบาป: อัครทูตเปาโลได้สรุปอย่างชัดเจนจากพระคัมภีร์เดิมว่า "คนยิวและคนต่างชาติ ทุกคนอยู่ใต้อำนาจของบาป" (โรม 3:9) และ "ไม่มีใครเป็นคนชอบธรรมเลย สักคนเดียว" (โรม 3:10)
  • ความบาปนั้นครอบคลุม: ไม่ว่าจะเป็นคนยิวที่มีบัญญัติหรือคนต่างชาติที่ไม่มีบัญญัติ ทุกคนต่างก็ทำบาปและขาดจากพระสิริของพระเจ้า

2. บัญญัติไม่ได้ทำให้ชอบธรรม แต่สำแดงความบาป

  • บทบาทของบัญญัติ: บัญญัติของพระเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติตามจนครบถ้วนและกลายเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า แต่มีไว้เพื่อ "ให้รู้ว่าอะไรคือบาป" (โรม 3:20)
  • ไม่มีใครทำได้: ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถ "รับความชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าได้โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ"

3. ความชอบธรรมของพระเจ้า โดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์

  • ทางรอดใหม่: พระเจ้าทรงจัดเตรียม "ความชอบธรรมของพระเจ้า" ไว้ให้ ซึ่งเป็นทางที่ "ปรากฏแจ้งแล้วนอกเหนือธรรมบัญญัติ" (โรม 3:21)
  • การไถ่บาปโดยพระโลหิต: ความชอบธรรมนี้ได้มาโดยการ "เชื่อในพระเยซูคริสต์" สำหรับทุกคนที่เชื่อ (โรม 3:22) พระเจ้าทรงมอบพระเยซูให้เป็น "เครื่องบูชาลบล้างบาป" โดยพระโลหิตของพระองค์
  • เป็นของประทาน: การที่มนุษย์ได้รับความชอบธรรมนั้นเป็น "ของประทาน" และเป็น "พระคุณ" ของพระเจ้า ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของตนเอง (โรม 3:24)

ไม่มีใครสามารถช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากบาปได้ด้วยการทำดีหรือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ แต่พระเจ้าทรงมอบความชอบธรรม (การได้รับการประกาศว่าเป็นผู้บริสุทธิ์) ให้แก่ทุกคนที่วางใจและเชื่อในพระเยซูคริสต์โดยไม่แบ่งแยกชนชาติ ทุกคนต่างเป็นคนบาปที่ต้องการการอภัยโทษจากพระเจ้า ความสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำตามกฎ แต่ขึ้นอยู่กับการเชื่อวางใจในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงทำเพื่อเราบนไม้กางเขน