เรื่องย่อ
โรม 8-10 ได้นำเราไปสู่ความลึกซึ้งแห่งแผนการของพระเจ้าที่ทั้งลึกลับและเปี่ยมด้วยพระเมตตา อัครทูตเปาโลเริ่มต้นด้วยการประกาศชัยชนะเหนือบาปและความตายสำหรับผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพาและค้ำประกันสถานะบุตรของพระเจ้า พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดจะสามารถแยกเราจากความรักของพระองค์ได้ จากนั้น ท่านได้คลี่คลายประเด็นอันละเอียดอ่อนเกี่ยวกับอิสราเอล ชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร แต่กลับปฏิเสธพระเมสสิยาห์ ซึ่งเปาโลยืนยันถึงอำนาจอธิปไตยและความชอบธรรมของพระเจ้าในการเลือกสรรและแสดงพระเมตตา ท้ายที่สุด ท่านได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าความรอดนั้นเปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือต่างชาติ ที่จะได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าของคนทั้งปวง ซึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่มาโดยการออกพระนามของพระองค์ด้วยใจที่เชื่อ เป็นการเปิดเผยหัวใจของพระเจ้าที่ปรารถนาให้ทุกคนมาถึงความรอด
ผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยจากพระคริสต์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษอีกต่อไป พระวิญญาณใหม่ภายในเราต่อสู้กับเนื้อหนังเก่า ดังนั้นเราจึงต้องตั้งจิตใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณ การเลือกความคิดอย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความคิดนำไปสู่การกระทำ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเสริมกำลังเราให้เอาชนะบาป ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ไม่เชื่อที่ไม่สามารถต่อสู้กับบาปได้อย่างแท้จริง แต่กลับวนเวียนอยู่ในบาปที่มากขึ้น ผู้เชื่อในพระเจ้าไม่ใช่แค่ลูกของพระองค์ แต่ยังเป็นทายาทร่วมกับพระเยซู มีพระวิญญาณของพระองค์เป็นเครื่องหมายยืนยันสถานะนี้ ทำให้เราได้รับอิสรภาพและชัยชนะที่แท้จริง
แม้เราจะอยู่ในโลกที่แตกสลาย พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงช่วยเหลือและอธิษฐานเผื่อเราเสมอตามพระประสงค์ของพระบิดา ทำให้คำอธิษฐานของพระองค์ได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน พระเจ้าทรงทราบเราล่วงหน้า ทรงกำหนด ทรงเรียก ทรงให้เราเป็นผู้ชอบธรรม และทรงประทานสง่าราศีแก่เรา ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้ พระเยซูคริสต์เองก็ทรงอธิษฐานเผื่อเราเช่นกัน ทำให้เราเป็นมากกว่าผู้พิชิตเหนือความยากลำบากและความท้าทายทั้งปวง โดยพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นผู้รับใช้ได้
เปาโลปรารถนาให้ทุกคนเข้าใจอิสรภาพนี้ แต่เขากลับโศกเศร้าที่ชาวยิวหลายคนปฏิเสธพระเยซู แม้จะมีทุกสิ่งที่ชี้ไปยังพระองค์ การเป็นชาวยิวโดยเชื้อชาติไม่ได้หมายถึงการเป็นบุตรของอับราฮัมเสมอไป ดังที่เห็นได้จากเรื่องของอิชมาเอลกับอิสอัค และเอซาวกับยาโคบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้ล้มเหลว แต่ทรงเลือกตามพระประสงค์ของพระองค์ ไม่ใช่จากการกระทำของมนุษย์ พระเจ้าในฐานะช่างปั้นหม้อ มีสิทธิ์ในเครื่องปั้นดินเผาของพระองค์ และทรงแสดงพระเมตตาอย่างใหญ่หลวงในการรับคนบาปเข้าสู่ครอบครัวของพระองค์ ทั้งชาวยิวและคนต่างชาติที่เชื่อผ่านพระคริสต์ ต่างได้รับการรับเป็นบุตรของพระองค์ ไม่ใช่ด้วยการพยายามรักษาธรรมบัญญัติ แต่ด้วยการพึ่งพาพระคริสต์โดยสิ้นเชิง ซึ่งเปาโลต้องการให้ทุกคนได้รู้และเผยแพร่ต่อไป
ข้อคิด: โรม 8-10
เปาโลเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เราจะต้องแบ่งปันข่าวประเสริฐอย่างกระตือรือร้น เพราะผู้ที่พระเจ้าทรงจะรับเข้ามาในครอบครัวของพระองค์จำเป็นต้องได้ยินเรื่องนี้ เราต้องออกไปประกาศและบอกเล่าถึงความจริงนี้ ดังเช่นที่เปาโลเองเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม โดยการเดินทางไปทั่ว อดทนต่อการข่มเหง และเขียนจดหมายถึงทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและความหวังอันยิ่งใหญ่ในข่าวประเสริฐ แม้ว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้ประทานหูแก่ผู้คนให้ได้ยิน แต่เราคือปากที่จะต้องพูด และประกาศออกไปว่าความชื่นชมยินดีที่แท้จริงนั้นอยู่ที่พระองค์
คำถาม
1. เมื่อโรมบทที่ 8 ยืนยันว่า "พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งเกิดผลดี" แก่คนที่รักพระองค์ โดยระบุเป้าหมายชัดเจนว่าเพื่อให้เขา "เป็นตามพระฉายาของพระบุตร" ความจริงข้อนี้น่าจะเปลี่ยนมุมมองของเราต่อ "ความทุกข์" หรือ "เหตุการณ์ที่ไม่เป็นดั่งใจ" ในชีวิตให้ต่างไปจากเดิมอย่างไร? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์สูงสุดที่พระเจ้าบริหารจัดการชีวิตเรา ไม่ได้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ความสุขสบายทางกายหรือความสำเร็จทางโลก แต่คือกระบวนการ "ปั้นแต่งชีวิต" (Sanctification) เพื่อให้บุคลิกและจิตวิญญาณของเราถูกขัดเกลาให้เหมือนพระเยซูมากยิ่งขึ้น)
2. ในบทที่ 10 เปาโลเปลี่ยนจุดเน้นจากความซับซ้อนของธรรมบัญญัติ มาเป็นความเรียบง่ายที่ว่า "ใครที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด" แต่ทำไมท่านจึงต้องผูกเรื่องนี้ติดกับคำถามที่ท้าทายทันทีว่า "และผู้ที่ยังไม่ได้ยินจะเชื่อได้อย่างไร?" (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงทำให้ทางแห่งความรอดเข้าถึงได้ง่ายและเปิดกว้าง ไม่ใช่เพื่อให้เราเก็บความรอดไว้คนเดียว แต่เป็นการมอบหมายภารกิจให้เราเป็น "เท้าที่นำข่าวดี" เพราะพระเจ้าทรงเลือกใช้ "การประกาศจากมนุษย์สู่มนุษย์" เป็นกลไกหลักในการนำความรอดไปสู่ผู้คน)
โรม บทที่ 8 เป็นบทที่สำคัญและเต็มไปด้วยข้อคิดที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก ข้อคิดหลัก ๆ ที่สามารถนำมาสรุปได้มีดังนี้ครับ:
1. การเป็นอิสระจากความผิดและบาป (ข้อ 1-4)
- สำหรับคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์นั้น ไม่มีการพิพากษาลงโทษอีกแล้ว เพราะพระเยซูได้ไถ่บาปให้แล้ว
- เราเป็นอิสระจากกฎของบาปและความตายโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
2. ชีวิตที่ดำเนินตามพระวิญญาณ (ข้อ 5-17)
- เราสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง (ธรรมชาติฝ่ายบาป) ซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ซึ่งนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข
- ผู้ที่ถูกนำโดยพระวิญญาณของพระเจ้าคือบุตรของพระเจ้า เราได้รับพระวิญญาณที่ทำให้เราเรียกพระเจ้าว่า "อับบา พ่อ" และเป็นผู้รับมรดกร่วมกับพระคริสต์
3. ความหวังในอนาคตที่รุ่งโรจน์ (ข้อ 18-30)
- ความทุกข์ยากที่เราเผชิญในโลกนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับสง่าราศีที่เราจะได้รับในอนาคต
- แม้แต่สิ่งทรงสร้างทั้งหมดก็กำลังรอคอยด้วยความหวังที่จะได้รับการไถ่ให้เป็นอิสระจากความเสื่อมสลาย
- เมื่อเราไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอย่างไร พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยเราอ้อนวอนแทนเราด้วยคำที่ไม่สามารถเอ่ยได้
- พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งเกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์ และผู้ที่ถูกเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
4. ชัยชนะและความมั่นคงในความรักของพระเจ้า (ข้อ 31-39)
- ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครจะต้านทานเราได้?: นี่คือข้อความที่ให้กำลังใจอย่างยิ่ง ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ไม่มีใครหรือไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านเราได้สำเร็จ
- ความทุกข์ยาก การข่มเหง หรืออันตรายใด ๆ ในโลกนี้ ไม่สามารถพรากเราออกไปจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้เลย
ข้อคิดที่ทรงพลังที่สุดจากโรม บทที่ 8 คือ การที่เราเป็นที่ยอมรับและมั่นคงในความรักอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ แม้ในความอ่อนแอหรือความทุกข์ยาก เราก็ยังมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้นำทางและเป็นหลักประกันถึงสง่าราศีในอนาคต