เรื่องย่อ
อัครทูตเปาโลได้สอนให้ผู้เชื่อหลีกเลี่ยงการพิพากษาซึ่งกันและกันในเรื่องที่ไม่ใช่แก่นสารสำคัญ เช่น การกินอาหาร หรือการถือวันพิเศษ แต่ให้ดำเนินชีวิตเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และพยายามสร้างเสริมซึ่งกันและกัน โดยผู้ที่เข้มแข็งในความเชื่อควรแบกรับความอ่อนแอของผู้ที่อ่อนกว่า ตามแบบอย่างของพระคริสต์ เพื่อที่ชาวยิวและคนต่างชาติจะสามารถสรรเสริญพระเจ้าร่วมกันได้ ท่านยังได้เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์อันกว้างใหญ่ในการประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งยังไม่เคยมีใครได้ยินพระนามของพระคริสต์ พร้อมทั้งแสดงความรักและผูกพันกับพี่น้องในกรุงโรมผ่านคำทักทายมากมาย และปิดท้ายจดหมายด้วยบทสรรเสริญอันยิ่งใหญ่แด่พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และปรีชาสามารถ ผู้ทรงเปิดเผยความล้ำลึกแห่งพระกิตติคุณของพระองค์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างความเชื่อของเราให้มั่นคงและนำความรอดมาสู่คนทั้งปวง
เปาโลเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีพื้นที่สำหรับความคิดเห็นและความชอบที่หลากหลายภายในพระกายของพระคริสต์ โดยเตือนว่าการโต้แย้งในเรื่องที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทางศาสนา มักนำไปสู่ความแตกแยกและความเย่อหยิ่ง แทนที่จะเป็นความสามัคคี เราแต่ละคนควรดำเนินชีวิตตามความเชื่อมั่นส่วนตัวภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็ไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงนำผู้อื่นเช่นกัน ความรักคือเหตุผลสำคัญที่เราควรเต็มใจละทิ้งสิทธิและความชอบของเรา หากการกระทำเหล่านั้นอาจทำให้ผู้อื่นสะดุด เป้าหมายของเราควรเป็นการแสวงหาสันติสุขอย่างจริงจัง และเสริมสร้างซึ่งกันและกันเสมอ
เมื่อเปาโลกล่าวว่า "ความเชื่อที่ท่านมี จงยึดไว้ระหว่างท่านกับพระเจ้าเถิด" ท่านไม่ได้หมายถึงให้เก็บความเชื่อไว้เป็นความลับ แต่เป็นการเรียกร้องให้เรายึดมั่นในความเชื่อมั่นส่วนตัวของเราอย่างมั่นคง และสำแดงออกมาในทุกการกระทำ นอกจากนี้ พระคัมภีร์เดิมยังทำหน้าที่สั่งสอน หนุนใจ และให้ความหวังแก่เราเสมอ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ประทานความหวังนั้น พระเจ้าทรงประสงค์ให้ครอบครัวของพระองค์มีความหลากหลายมาตั้งแต่ต้น เปาโลจึงหนุนใจคริสตจักรให้ดำเนินชีวิตในความสามัคคีเสมือนวงซิมโฟนี ที่แม้จะเล่นเครื่องดนตรีและท่วงทำนองที่แตกต่างกัน แต่ก็รวมกันเป็นบทเพลงที่งดงามเพื่อถวายพระสิริแด่พระเจ้า
เปาโลยังปรารถนาให้ผู้เชื่อสั่งสอนและเสริมสร้างซึ่งกันและกันอย่างสงบสุข ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราทุกคนมุ่งมั่นที่จะเติบโตในสติปัญญาและเรียนรู้จากสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนแก่เราและผู้อื่น ท่านเริ่มสรุปจดหมายถึงชาวโรมด้วยการแสดงความรัก และแจ้งถึงแผนการเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มพร้อมเงินช่วยเหลือ ก่อนจะหวังแวะเยือนโรมระหว่างทางไปสเปน จดหมายนี้ถูกส่งโดยฟีบี ผู้รับใช้หรือผู้ช่วยศิษยาภิบาล ซึ่งท่านขอให้ต้อนรับและช่วยเหลือเธอเป็นอย่างดี รวมถึงอาควิลาและปริสสิลลา ที่เคยเสี่ยงชีวิตเพื่อท่าน สุดท้าย เปาโลเตือนให้ระวังผู้ที่ล่อลวงจิตใจของผู้ไร้เดียงสา โดยเน้นย้ำว่าความรู้เป็นเครื่องป้องกันจากการหลอกลวง
ข้อคิด: โรม 14-16
"พระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงเหยียบย่ำซาตานไว้ใต้เท้าของท่านในเร็ววัน" (โรม 16:20) ข้อความนี้ย้ำเตือนว่าเพื่อนำสันติสุขที่แท้จริงมาสู่สถานการณ์ใดๆ เราต้องไม่เพิกเฉยต่อความวุ่นวาย แต่ต้องเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งพระเจ้าทรงจัดการกับความวุ่นวายและแผนการชั่วร้ายของซาตานโดยการทรงเหยียบย่ำมัน เราทุกคนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่พระเจ้าทรงชนะแล้ว โดยที่พระองค์ทรงเหยียบย่ำซาตานไว้ใต้เท้าของเราเอง พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เหยียบย่ำและเป็นผู้เสริมกำลังเรา (โรม 16:25) ทรงทำให้เราเข้มแข็ง เคลื่อนไหวเท้าของเรา และทำลายล้างศัตรูของเรา ในพระองค์นั้นเองคือแหล่งกำเนิดแห่งความชื่นชมยินดีของเรา!
คำถาม
1. ในบทที่ 14 เมื่อเปาโลย้ำว่า "อาณาจักรของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดี" และสั่งไม่ให้เราตัดสินพี่น้องในเรื่องที่มีความเห็นต่าง (เช่น เรื่องอาหารหรือวันสำคัญ) การจัดลำดับความสำคัญเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า วัตถุประสงค์ของการมีวินัยในคริสตจักรควรเป็นไปเพื่อสิ่งใด? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการดำเนินชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่การสร้างมาตรฐานเดียว ในเรื่องเปลือกนอกเพื่อให้ทุกคนทำเหมือนกันหมด แต่คือการรักษา "เอกภาพ" ที่เกิดจากการเห็นคุณค่าของ "จิตวิญญาณพี่น้อง" มากกว่า "ความถูกใจส่วนตัว" เพื่อไม่ให้เรื่องเล็กน้อยมาทำลายงานของพระเจ้า)
2. ในบทที่ 16 ซึ่งเต็มไปด้วยรายชื่อบุคคลมากมาย ทั้งชายและหญิง ทาสและไท ซึ่งเปาโลทักทายด้วยความรักและให้เกียรติในฐานะ "เพื่อนร่วมงาน" การบันทึกรายชื่อเหล่านี้ไว้ในพระคัมภีร์ท้าทายแนวคิดแบบ "ฮีโร่เดี่ยว" ในการรับใช้ และสะท้อนวัตถุประสงค์ของโครงสร้างคริสตจักรอย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของพันธกิจข่าวประเสริฐ ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยผู้นำที่เก่งกาจเพียงลำพัง แต่พระเจ้าทรงออกแบบให้คริสตจักรเป็น "เครือข่ายแห่งความสัมพันธ์" ที่ทุกคน—ไม่ว่าจะบทบาทเล็กหรือใหญ่—ล้วนมีความสำคัญและขาดไม่ได้ในการขับเคลื่อนงานของพระเจ้าให้สำเร็จ)
โรม บทที่ 16 เป็นบทสรุปที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยการทักทาย การระลึกถึงผู้ร่วมงาน และคำเตือนสุดท้าย โดยมีข้อคิดหลัก ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ดังนี้ครับ:
1. ความสำคัญของการให้เกียรติและพันธกิจร่วมกัน (ข้อ 1-16)
- คุณค่าของผู้รับใช้ทุกคน: เปาโลเริ่มต้นด้วยการยกย่อง เฟบี ผู้เป็นทั้งผู้รับใช้ (มัคนายิกา) และผู้อุปถัมภ์ (ผู้สนับสนุนช่วยเหลือ) ของคริสตจักร ข้อคิดนี้สอนให้เห็นว่า คริสตจักรเข้มแข็งได้ด้วยการรับใช้ที่หลากหลายบทบาท ทั้งจากผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะบทบาทของผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
- การเสียสละเพื่อพันธกิจ: เปาโลระลึกถึงบุคคลสำคัญมากมาย เช่น ปริสคาและอาควิลลา ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเปาโล หรือ มารีย์ ที่ตรากตรำทำงานหนักในพันธกิจ สิ่งนี้เน้นย้ำว่า ความสำเร็จในงานของพระเจ้ามาจากการร่วมแรงร่วมใจและความเสียสละอย่างแท้จริง
- เครือข่ายความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น: การทักทายถึง 26 คนโดยเจาะจง สะท้อนให้เห็นว่า คริสตจักรไม่ได้เป็นเพียงองค์กร แต่เป็น "ครอบครัว" ที่มีสายสัมพันธ์แห่งความรักและความภักดีต่อกัน
2. การระมัดระวังความแตกแยกและคำสอนเทียมเท็จ (ข้อ 17-20)
- การเตือนภัยจากผู้ที่สร้างความแตกแยก: เปาโลเตือนอย่างรุนแรงให้สังเกตและหลีกเลี่ยงคนที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้ผู้เชื่อหลงผิดไปจากคำสอนแท้จริง (หลักคำสอนที่ได้เรียนรู้)
- ลักษณะของผู้หลอกลวง: คนเหล่านี้มักจะรับใช้ความปรารถนาของตนเอง ไม่ใช่พระคริสต์ และใช้ถ้อยคำที่อ่อนหวานและคำยกยอเพื่อหลอกลวงผู้ที่ไม่ระมัดระวัง (ผู้ที่ซื่อและไม่สงสัย)
- ความเชี่ยวชาญในการดี: ข้อคิดสำคัญคือการเน้นย้ำให้ผู้เชื่อจงฉลาดในการดีและทึ่มในการชั่ว นั่นคือให้เราฝึกฝนตนเองในการประพฤติชอบและปฏิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความชั่วร้ายหรือคำสอนที่ทำให้ไขว้เขว
3. การสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยแผนการไถ่บาป (ข้อ 25-27)
- ข่าวประเสริฐอันเป็นความล้ำลึก: เปาโลสรุปจดหมายด้วยการสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงมีอำนาจที่จะเสริมกำลังผู้เชื่อตามข่าวประเสริฐของพระองค์ ซึ่งเป็นความจริงอันล้ำลึกที่ถูกปิดบังไว้ในยุคก่อน ๆ
- การเปิดเผยเพื่อการเชื่อฟัง: ความล้ำลึกนี้ถูกเปิดเผยแล้วโดยทางพระเยซูคริสต์ และผ่านพระคัมภีร์ของบรรดาผู้เผยพระวจนะ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ชนชาติต่าง ๆ เชื่อฟังด้วยความเชื่อ
- การสรรเสริญแด่พระเจ้าผู้ทรงปัญญาแต่เพียงผู้เดียว: การจบลงด้วยการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงปัญญาแต่เพียงผู้เดียว เน้นย้ำว่าการไถ่บาปทั้งหมดเป็นไปตามพระปัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
โรม บทที่ 16 สอนว่า ชีวิตคริสเตียนไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่ต้องผูกพันในชุมชนแห่งความรักและความร่วมมือ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีวิจารณญาณที่เฉียบคม เพื่อปกป้องความเชื่อจากผู้ที่พยายามทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยคำสอนผิด ๆ