เรื่องย่อ
ในการขึ้นศาลครั้งแล้วครั้งเล่า อัครทูตเปาโลได้เปลี่ยนแท่นพิจารณาคดีให้เป็นเวทีประกาศข่าวประเสริฐอันทรงพลัง เริ่มต้นจากการถูกฟ้องร้องจากชาวยิวต่อหน้าเฟลิกซ์ ผู้ว่าราชการโรมัน เปาโลยืนยันความบริสุทธิ์ของท่าน พร้อมทั้งเล่าเรื่องความหวังในการเป็นขึ้นจากตาย ซึ่งทำให้เฟลิกซ์หวาดหวั่น แต่ก็ยังคงกักตัวท่านไว้ด้วยหวังว่าจะได้รับสินบน ต่อมาเมื่อเฟสตัสขึ้นมาแทน เปาโลถูกส่งตัวไปขึ้นศาลอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าท่านจะไม่ได้รับความยุติธรรม จึงใช้สิทธิในฐานะพลเมืองโรมันอุทธรณ์ต่อซีซาร์ นำไปสู่การเผชิญหน้าอันน่าทึ่งกับกษัตริย์อากริปปาที่ 2 และพระนางเบอร์นิส เปาโลไม่ได้กล่าวแก้ต่างเพื่อตนเอง แต่กลับเล่าเรื่องการกลับใจของท่านและอธิบายถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูอย่างไม่หวั่นเกรง จนกษัตริย์อากริปปาทรงยอมรับว่าเปาโลน่าจะได้รับการปล่อยตัวหากไม่ได้อุทธรณ์ต่อซีซาร์ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความสัตย์ซื่อของเปาโล และอำนาจของพระกิตติคุณที่สามารถเข้าถึงแม้แต่ชนชั้นผู้ปกครอง เพื่อประกาศความจริงแห่งความรอด
ห้าวันหลังจากเปาโลถูกส่งตัวไปหาผู้ว่าการเฟลิกส์ที่ซีซารียา เจ้าหน้าที่จากเยรูซาเล็มได้เดินทางมากล่าวหาเปาโลว่าก่อจลาจลและทำให้พระวิหารเป็นมลทิน เปาโลได้แก้ต่างให้ตัวเองด้วยความจริง โดยยืนยันว่าเขาดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและธรรมบัญญัติ เฟลิกส์ซึ่งคุ้นเคยกับ "ทางนั้น" (ศาสนาคริสต์) ตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาคดีและสั่งให้คุมขังเปาโลไว้ แต่ให้ปฏิบัติต่อเขาอย่างดี
ตลอดสองปี เฟลิกส์ยังคงเรียกเปาโลมาสนทนา โดยหวังว่าจะได้รับสินบน แต่เปาโลยังคงยึดมั่นในความซื่อสัตย์ เมื่อเฟลิกส์ถูกถอดจากตำแหน่งและเฟสทัสเข้ารับหน้าที่แทน เขาก็ทิ้งเปาโลไว้ในคุกเพื่อเอาใจชาวยิว ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จากเยรูซาเล็มก็พยายามให้เฟสทัสส่งตัวเปาโลกลับไป แต่เปาโลยืนยันความบริสุทธิ์ของตน เฟสทัสเสนอที่จะส่งตัวเปาโลไปพิจารณาคดีที่เยรูซาเล็มเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับชาวยิว แต่เปาโลซึ่งเป็นพลเมืองโรมัน ได้ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อซีซาร์ ซึ่งเฟสทัสเห็นด้วย
ต่อมาไม่กี่วัน กษัตริย์อากริปปาที่ 2 เสด็จมาเยือน เฟสทัสเล่าเรื่องราวของเปาโลให้ฟัง และอากริปปาทรงขอฟังเปาโลด้วยตนเอง เปาโลกล่าวต่อหน้ากษัตริย์และผู้นำคนอื่นๆ อธิบายถึงชีวิตในอดีตในฐานะผู้ข่มเหงและการกลับใจมาเชื่อในพระคริสต์ เฟสทัสขัดจังหวะโดยคิดว่าเปาโลเสียสติ แต่เปาโลยืนยันว่าสิ่งที่เขากล่าวเป็นความจริง และถามอากริปปาโดยตรง อากริปปาตรัสตอบว่าเปาโลเกือบจะชักจูงให้พระองค์เป็นคริสเตียนได้แล้ว หลังจากการสนทนา ผู้นำทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าเปาโลไม่มีความผิด และหากเขาไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อซีซาร์ เขาก็คงได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว
ข้อคิด: กิจการ 24-26
แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากแสนสาหัส ทั้งการกล่าวหาเท็จ การทรมาน การถูกทุบตี การอับปางของเรือ และการถูกจำคุก เปาโลยังคงยืนยันว่า "จนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า" (กิจการ 26:22) เขามองเห็นการทรงนำของพระเจ้าในทุกย่างก้าว แม้ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนเลวร้ายที่สุด เพราะสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นิรันดรและหัวใจมุ่งที่พระสิริของพระเจ้า ด้วยมุมมองนี้เอง เขาปฏิเสธที่จะแลกสิ่งชั่วคราวกับสิ่งที่เป็นนิรันดร์ แม้หนทางจะยากลำบากและโดดเดี่ยว แต่พระเจ้าก็ทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่เขาต้องการเสมอ พระองค์คือผู้ช่วยเหลือของเรา และเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดี
คำถาม
1. ในระหว่างการพิจารณาคดีต่อหน้าผู้มีอำนาจ (เฟลิกซ์, เฟสทัส, และกษัตริย์อากริปปา) เปาโลมักเปลี่ยนเวทีการ "แก้ต่าง" ทางกฎหมาย ให้กลายเป็นเวทีการ "ประกาศข่าวประเสริฐ" เรื่องการคืนพระชนม์และความชอบธรรม (โดยเฉพาะในบทที่ 26) การกระทำนี้ชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายสูงสุดของคริสเตียนเมื่อเผชิญกับการกดขี่ข่มเหง ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่คืออะไร? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือถูกใส่ร้าย อาจไม่ใช่เพื่อให้เราดิ้นรนหาทางหนีเป็นอันดับแรก แต่เพื่อให้เราใช้ "โอกาส" นั้นเป็นพยานแก่กลุ่มคนที่เราอาจเข้าไม่ถึงในสถานการณ์ปกติ แม้ความปลอดภัยส่วนตัวจะต้องเป็นรองภารกิจของพระเจ้าก็ตาม)
2. ในตอนท้ายของบทที่ 26 กษัตริย์อากริปปาสรุปว่า "คนนี้ถ้าไม่ได้ถวายฎีกาถึงซีซาร์ก็คงจะถูกปล่อยตัวไปแล้ว" ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจของเปาโลเองทำให้ท่านต้องถูกจองจำต่อไป การยอมแลก "อิสรภาพในทันที" กับการเดินทางไปกรุงโรมในฐานะนักโทษ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในวัตถุประสงค์ของพระเจ้าที่เหนือกว่าความสุขสบายส่วนตัวอย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของพระเจ้าบางครั้งอาจไม่ได้มาในรูปแบบของ "ทางออกที่ง่ายที่สุด" หรือ "ความราบรื่น" เสมอไป การที่เปาโลต้องเดินทางไปโรม (ตามนิมิต) แม้จะต้องไปในสภาพนักโทษ สอนให้เราเห็นว่าความสำเร็จของพันธกิจสำคัญกว่าสถานภาพทางสังคมหรือสิทธิเสรีภาพของตนเอง)
กิจการ บทที่ 26 เป็นการบันทึกคำแก้ต่างอันทรงพลังของอัครทูตเปาโลต่อหน้ากษัตริย์อากริปปาที่ 2 เฟสทัส และคณะบุคคลสำคัญของกรุงโรม เป็นบทที่อุดมด้วยข้อคิดและบทเรียนเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ การเป็นพยาน และการรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ
นี่คือข้อคิดสำคัญที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ครับ:
1. การเปลี่ยนแปลงที่พลิกชีวิต
- ประสบการณ์บนถนนสู่ดามัสกัส (ข้อ 12-18): เปาโลไม่ได้อ้างอิงแค่พระคัมภีร์เท่านั้น แต่ท่านเล่าถึงประสบการณ์จริง ที่พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏแก่ท่าน นี่แสดงให้เห็นว่าการเป็นพยานที่มีพลังที่สุดคือการเล่าถึงการกลับใจใหม่ของตนเอง
- ข้อคิด: ไม่ว่าอดีตเราจะเป็นอย่างไร หรือเราเคย "ทำร้าย" คริสตจักรมาก่อนแค่ไหน พระเจ้าก็สามารถเรียกเรา และใช้ชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงของเราเป็นเครื่องมืออันทรงพลังได้
2. ความสัตย์ซื่อในการเชื่อฟังพระบัญชา
- การเชื่อฟังนิมิต (ข้อ 19): เปาโลกล่าวว่า "ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จึงไม่ขัดขืนนิมิตที่เห็นจากสวรรค์"
- ข้อคิด: การเชื่อฟังต่อพระบัญชาของพระเจ้า (นิมิต) ทันทีและอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญสู่การรับใช้ที่มีผล แม้ว่าการเชื่อฟังนั้นจะนำมาซึ่งความยากลำบาก การข่มเหง หรือการถูกเข้าใจผิดก็ตาม
3. เนื้อหาหลักของการเป็นพยาน
- สาระสำคัญของการประกาศ (ข้อ 22-23): เปาโลสรุปสาระสำคัญของข่าวประเสริฐอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับคำสอนของโมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะ คือ:
1. พระคริสต์จะต้องทนทุกข์
2. พระคริสต์จะเป็นบุคคลแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตาย
3. พระองค์จะประกาศความสว่างแก่ชนชาติยิวและคนต่างชาติ
- ข้อคิด: แม้เราจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัว แต่ใจความสำคัญต้องเป็นเรื่องของ พระคริสต์ที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และความรอดที่มาถึงทุกคน
4. การเผชิญหน้ากับการตัดสินและถ้อยคำเย้ยหยัน การกล่าวหาว่าบ้า (ข้อ 24): เฟสทัส ผู้ว่าราชการกล่าวอย่างดังว่า "เปาโลเอ๋ย เจ้าเสียสติไปแล้ว! ความรู้มากทำให้เจ้าบ้าไปแล้ว!"
- ข้อคิด: เมื่อเราประกาศความจริงแห่งข่าวประเสริฐ อาจมีคนในโลกมองว่าเรา "เสียสติ" เพราะความจริงฝ่ายวิญญาณนั้นเหนือความเข้าใจของมนุษย์ฝ่ายโลก แต่เราต้องตอบด้วยความสุภาพและจริงใจ (ข้อ 25) โดยยืนยันในความจริง ไม่ใช่อารมณ์
5. ชีวิตที่ถูกแยกออกจากโลกเพื่อพระคริสต์ คำถามที่ทรงพลังของเปาโลต่อกษัตริย์อากริปปาว่า "ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา พระองค์ทรงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะหรือ?" และคำตอบที่ตามมา "เจ้าคิดว่าจะชักจูงเราให้เป็นคริสเตียนได้ในเวลาอันสั้นหรือ?"
- ข้อคิด: เป้าหมายสูงสุดของเราในการเป็นพยานคือการชักชวนให้ผู้อื่นเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เพียงแค่ให้พวกเขาเห็นด้วยในทางสติปัญญา เปาโลแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะให้ทุกคน เป็นเหมือนท่าน (มีประสบการณ์ความรอด) เว้นแต่พันธนาการเท่านั้น
กิจการ 26 สอนให้เราใช้เรื่องราวชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงของเราเป็นพยานอย่างกล้าหาญ (เหมือนเปาโล) และเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐที่เน้นพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง แม้ต้องเผชิญกับการเย้ยหยันหรือความยากลำบากก็ตาม