เรื่องย่อ
แม้โซ่ตรวนจะพันธนาการร่างกาย แต่ก็ไม่อาจพันธนาการพระคำของพระเจ้าได้ ดังเรื่องราวการเดินทางอันน่าทึ่งของอัครทูตเปาโลจากเยรูซาเล็มสู่กรุงโรมในฐานะนักโทษ ท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่งที่นำไปสู่เรืออับปางอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เปาโลยังคงเป็นดั่งแสงแห่งความหวัง นำทางผู้คนให้รอดชีวิตอย่างปลอดภัยบนเกาะมอลตา ที่นั่น พระเจ้าได้สำแดงฤทธิ์อำนาจผ่านการรักษาโรคและปกป้องท่านจากพิษงู ทำให้ชาวเกาะถวายเกียรติแด่พระองค์เป็นอันมาก เมื่อมาถึงกรุงโรม แม้จะถูกคุมขังอยู่ภายใต้การดูแล แต่เปาโลก็ไม่เคยหยุดยั้งการประกาศข่าวประเสริฐ ท่านได้เชื้อเชิญผู้นำชาวยิวและทุกคนที่มาหา ให้มาฟังเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าและพระเยซูคริสต์อย่างเปิดเผยและปราศจากอุปสรรคใดๆ เป็นเวลาถึงสองปี แสดงให้เห็นว่าแม้ถูกพันธนาการทางกาย แต่ฤทธิ์อำนาจของพระกิตติคุณยังคงแผ่ขยายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อนำความรอดมาสู่คนทั้งปวง
หลังจากที่เปาโลแก้ต่างตนเองเสร็จสิ้น ท่านก็ถูกส่งตัวไปยังกรุงโรมเพื่ออุทธรณ์ต่อซีซาร์ โดยเดินทางทางทะเลร่วมกับเพื่อนร่วมทาง รวมถึงลูกาผู้บันทึกเรื่องราว เรือลำนี้มีคนเกือบสามร้อยคน การเดินทางต้องเผชิญกับลมในฤดูใบไม้ร่วงที่รุนแรง ทำให้ยากลำบากและใช้เวลานานขึ้น แม้เปาโลจะเตือนถึงอันตรายของการเดินทางต่อ แต่คำแนะนำของท่านก็ไม่ได้รับความสนใจ เมื่อพายุใหญ่โหมกระหน่ำ พวกเขาต้องโยนสินค้าและอุปกรณ์ทิ้งทะเล เปาโลจึงให้กำลังใจทุกคน โดยประกาศว่าทูตสวรรค์ได้ยืนยันว่าทุกคนจะรอดชีวิต แม้เรือจะอับปางก็ตาม
ในที่สุด หลังจากสองสัปดาห์ของการเดินทาง พวกเขาก็อับปางลงที่เกาะมอลตา ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เปาโลได้โน้มน้าวให้ทุกคนอยู่บนเรือใหญ่แทนที่จะใช้เรือเล็ก ซึ่งช่วยให้ทุกคนรอดชีวิตตามคำสัญญาของพระเจ้า แม้ทหารจะวางแผนจะฆ่านักโทษ ชาวมอลตาให้การต้อนรับกลุ่มผู้ประสบภัยเป็นอย่างดี ขณะที่เปาโลกำลังก่อไฟ ท่านถูกงูกัด แต่เมื่อท่านไม่ได้รับอันตราย ชาวบ้านซึ่งเคยคิดว่าท่านเป็นอาชญากร ก็เปลี่ยนมาเชื่อว่าท่านเป็นเทพเจ้า ด้วยเหตุนี้ เปาโลจึงมีโอกาสรักษาบิดาของข้าหลวงใหญ่ และผู้ป่วยอีกหลายคนบนเกาะ สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง
สามเดือนต่อมา หลังพ้นฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุด เปาโลและคณะก็เดินทางถึงกรุงโรม ท่านได้รับการต้อนรับจากเพื่อนฝูงและได้รับอนุญาตให้อยู่ในที่พักของตนเอง โดยมีทหารคอยดูแล ซึ่งทำให้ท่านมีอิสระมากกว่านักโทษคนอื่นๆ เปาโลได้เรียกประชุมผู้นำชาวยิวในกรุงโรมเพื่ออธิบายสถานการณ์และแบ่งปันข่าวสารเกี่ยวกับพระเยซู แม้จะมีการโต้ตอบกันอย่างยาวนาน บางคนเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด แต่หลายคนก็ปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้ เปาโลจึงหันไปประกาศข่าวประเสริฐกับคนต่างชาติ ซึ่งเป็นพันธกิจหลักที่พระเจ้าทรงเรียกท่านมาตั้งแต่ต้น
ข้อคิด: กิจการ 27-28
พระเจ้าทรงจัดเตรียมยูลิอัส นายร้อยผู้รับผิดชอบดูแลเปาโลอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อมาได้เห็นประจักษ์ถึงการทรงนำของพระเจ้าและแม้กระทั่งช่วยชีวิตเปาโลไว้ หลังจากที่ยูลิอัสได้เห็นพระเจ้าตรัสกับและผ่านทางเปาโล ได้เห็นเปาโลหนุนใจศัตรูบนเรืออย่างถ่อมตน รอดพ้นจากการถูกงูพิษกัด และรักษาผู้คนตลอดสามเดือนที่มอลตา เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ปรากฏได้อีกต่อไป การที่ยูลิอัสถูกเลือกให้เป็นนายร้อยของเปาโลจึงไม่เพียงแต่เพื่อประโยชน์ของเปาโลเท่านั้น แต่ยังเพื่อยูลิอัสเองด้วย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์แห่งความเมตตาข้ามพ้นความเป็นศัตรู เพื่อช่วยผู้ที่ต่อต้านพระองค์ให้รอดพ้น ซึ่งเป็นจุดที่พระองค์ทรงเข้ามาหาเราทุกคนและเป็นที่มาแห่งความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง
คำถาม
1. ในเหตุการณ์พายุใหญ่และเรือแตก (บทที่ 27) แม้เปาโลจะอยู่ในสถานะ "นักโทษ" ที่ต่ำต้อย แต่ในยามวิกฤตท่านกลับกลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่หนุนใจและช่วยให้ทุกคนรอดชีวิต การที่พระเจ้าไม่ทรงห้ามพายุให้สงบตั้งแต่แรก แต่ทรงช่วยกู้ ท่ามกลาง ความหายนะของเรือ สะท้อนให้เห็นวัตถุประสงค์ของพระองค์ในการสำแดงฤทธิ์เดชแก่คนต่างชาติ (ลูกเรือและทหาร) อย่างไร? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของวิกฤตการณ์ในชีวิตอาจมีไว้เพื่อ "เปิดตา" คนรอบข้างให้เห็นความแตกต่างของผู้ที่ไว้วางใจในพระเจ้า และเพื่อพิสูจน์ว่าความปลอดภัยที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมั่นคงทางวัตถุ (เรือ) แต่อยู่ที่พระสัญญาของพระเจ้า ซึ่งทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์ฉายแสงได้เจิดจรัสที่สุดในเวลาที่มืดมนที่สุด)
2. พระธรรมกิจการฯ จบลงด้วยภาพของเปาโลที่กรุงโรมในสภาพถูกกักบริเวณ แต่สามารถประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าได้ "อย่างกล้าหาญโดยไม่มีใครขัดขวาง" (บทที่ 28) การจบเรื่องแบบทิ้งท้ายโดยไม่บอกบทสรุปชะตากรรมของเปาโล (ว่าจะถูกปล่อยหรือประหาร) แต่เน้นที่ความก้าวหน้าของข่าวประเสริฐ สื่อถึงวัตถุประสงค์สูงสุดของคริสตจักรไว้อย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของบันทึกประวัติศาสตร์นี้ไม่ใช่เพื่อยกย่องวีรบุรุษหรือเน้นความสุขสบายของผู้รับใช้ แต่เพื่อยืนยันว่า "ข่าวประเสริฐไม่อาจถูกล่ามโซ่ได้" เป้าหมายคือให้เราเห็นว่างานของพระเจ้ายังคงดำเนินต่อไปได้เสมอแม้ในข้อจำกัด และภารกิจนี้ถูกส่งต่อมาถึงเราให้สานต่อ "กิจการ" ของพระวิญญาณสืบไป)
กิจการ บทที่ 28 เป็นบทสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ โดยบันทึกเรื่องราวการเดินทางของอัครทูตเปาโลไปยังกรุงโรม ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของพันธกิจที่พระเจ้าทรงมอบหมาย ข้อคิดหลัก ๆ ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากบทนี้มีดังนี้ครับ:
1. การจัดเตรียมและอารักขาของพระเจ้า
- การอารักขาในพายุและเรือแตก: แม้เผชิญเรือแตก เปาโลและผู้โดยสารทั้งหมดก็รอดชีวิต และได้ขึ้นบกที่เกาะมอลตา (ข้อ 1)
- การปกป้องจากอันตราย: งูพิษได้กัดมือของเปาโล แต่ท่านไม่เป็นอันตรายใด ๆ ทำให้ชาวเกาะประหลาดใจและเห็นว่าท่านเป็นบุคคลพิเศษ (ข้อ 3-6) นี่แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงรักษาและปกป้องผู้รับใช้ของพระองค์ ให้พ้นจากอันตรายที่ไม่คาดคิด เพื่อให้พันธกิจของพวกเขาลุล่วงไปได้
2. การเป็นพยานและการรักษาโรค
- ฤทธิ์เดชของพระเจ้า: ขณะอยู่บนเกาะมอลตา เปาโลได้รักษาบิดาของปูบลิอัส (ผู้ว่าการเกาะ) และคนป่วยอื่น ๆ บนเกาะ (ข้อ 7-10) การอัศจรรย์เหล่านี้ทำให้ชาวเกาะให้ความเคารพและจัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางต่อไป นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงทำงานผ่านผู้เชื่อ เพื่อยืนยันพระกิตติคุณและนำผู้คนมาหาพระเจ้า
3. การมุ่งหน้าสู่จุดหมาย
- กรุงโรมคือจุดมุ่งหมาย: หลังจากการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบาก เปาโลก็มาถึงกรุงโรมในที่สุด (ข้อ 11-16) ซึ่งเป็นการเติมเต็มพระประสงค์ที่พระเจ้าทรงเผยให้เห็นก่อนหน้านี้ว่าท่านจะต้องไปเป็นพยานที่นั่น (กิจการ 23:11) ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พระเจ้าจะทรงนำพาผู้รับใช้ของพระองค์ไปสู่จุดที่พระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาอยู่
4. การประกาศพระกิตติคุณอย่างต่อเนื่อง
- การประกาศแก่ชาวยิว: เมื่อมาถึงโรม เปาโลได้พยายามติดต่อกับผู้นำชาวยิวเพื่ออธิบายสถานการณ์ของท่านและประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และความหวังของอิสราเอล (ข้อ 17-23)
- การตอบสนองที่แตกต่างกัน: บางคนเชื่อในคำพูดของเปาโล แต่บางคนไม่เชื่อ เปาโลจึงอ้างคำพยากรณ์ของอิสยาห์ที่กล่าวถึงการไม่ยอมรับของพวกเขา (ข้อ 24-27)
- การหันไปหาคนต่างชาติ: เปาโลยืนยันหนักแน่นว่า ความรอดของพระเจ้าได้ถูกส่งไปยังคนต่างชาติแล้ว และพวกเขาจะยอมฟัง (ข้อ 28) เป็นการตอกย้ำถึงการขยายพระกิตติคุณไปทั่วโลก
5. การจบลงอย่างเปิดกว้าง
- การรับใช้ในที่คุมขัง: บทที่ 28 สิ้นสุดลงด้วยการที่เปาโลอาศัยอยู่ในบ้านเช่าของตนเองในกรุงโรม ถึงแม้จะถูกคุมขัง ท่านก็ต้อนรับทุกคนที่มาหาท่านและ "ประกาศอาณาจักรของพระเจ้าและสอนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เจ้าอย่างกล้าหาญและไม่มีใครห้ามปราม" ตลอดสองปีเต็ม (ข้อ 30-31)
- ข้อคิดสำคัญ: นี่คือภาพสุดท้ายของหนังสือกิจการ: พระกิตติคุณไม่ถูกจำกัด ถึงแม้ว่าอัครทูตจะถูกใส่โซ่ตรวน แต่พระวจนะของพระเจ้าก็ไม่ถูกพันธนาการ พันธกิจของคริสตจักรยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและเปิดกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสู่คนต่างชาติ พระกิตติคุณเป็นพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
กิจการบทที่ 28 สอนให้เราเห็นว่า การทรงนำและการจัดเตรียมของพระเจ้ามีอยู่จริงตลอดการเดินทางของชีวิต และสอนให้เรามีความมั่นใจว่า แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด (เช่น การถูกจำคุก) ก็ไม่สามารถขัดขวางการประกาศและฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณได้ ผู้เชื่อควรมีความกล้าหาญในการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ต่อไป