เรื่องย่อ
หลังจากแต่งงานกับราเชลและเลอาห์แล้ว ยาโคบทำงานให้ลาบันเป็นเวลาหลายปีโดยหวังว่าจะได้ราเชลเป็นภรรยา แต่ลาบันกลับหลอกลวงเขา ยาโคบจึงวางแผนที่จะหนีไปพร้อมกับภรรยาและลูกๆ โดยไม่บอกลาบัน เขาหลอกลาบันเรื่องจำนวนแกะที่เลี้ยงดูอยู่ และใช้กลอุบายต่างๆ เช่น ใช้กิ่งไม้ที่มีสีขาวและดำ เพื่อให้แกะออกลูกเป็นสีที่เขาต้องการ ในที่สุดเขาก็ร่ำรวยขึ้น และลาบันรู้ว่ายาโคบจะหนีไปจึงตามไปจับ แต่พวกเขาก็เจรจากันและตกลงที่จะแยกทางกันโดยที่ยาโคบได้รับอนุญาตให้พาครอบครัวและทรัพย์สมบัติของเขาไป ก่อนจากลาบัน ยาโคบได้พบกับลาบันและเตือนเขาถึงพระเจ้าที่ทรงปกป้องเขาตลอดเวลา และจากนั้นยาโคบก็เดินทางกลับไปยังแผ่นดินของเขาเอง พร้อมกับครอบครัวและทรัพย์สมบัติที่ร่ำรวย ระหว่างทาง เขาได้พบกับพระเจ้า และพระเจ้าได้เปลี่ยนชื่อเขาเป็นอิสราเอล ซึ่งหมายถึง "ผู้ที่ต่อสู้กับพระเจ้าและมนุษย์" แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้และการต่อรองของยาโคบในชีวิต
เรื่องราวในปฐมกาลระหว่างราเชลและเลอาห์ สะท้อนให้เห็นถึงความอิจฉาและความต้องการในชีวิตมนุษย์ที่ชัดเจน ราเชลรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นเลอาห์มีลูกมาก จึงกดดันยาโคบเพื่อให้เธอมีลูกบ้าง ความเครียดนี้นำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ค่อยดีนัก เมื่อราเชลมอบสาวใช้ให้ยาโคบเพื่อให้มีลูก ความอิจฉาจึงกลายเป็นการเปรียบเทียบที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและความขมขื่นในครอบครัว
ในที่สุด ทั้งราเชลและเลอาห์ต่างมีลูกจากสาวใช้ของตน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความโลภและการมองผู้อื่นทำให้เกิดความขัดแย้งในใจของพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับเต็มไปด้วยการหมกมุ่นและบาดแผลทางจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อแต่ละฝ่ายพยายามพิสูจน์ว่าตนเองมีค่าและได้รับความรักมากกว่า
เมื่อราเชลได้ลูกชายคนแรกคือโจเซฟ ความรักของยาโคบสำหรับโจเซฟก็เริ่มเด่นชัด สิ่งนี้ยิ่งทำให้ความรู้สึกอิจฉาในใจของเลอาห์และราเชลยิ่งทวีความรุนแรง เมื่อลาบันรู้สึกถึงพระพรที่มีต่อยาโคบ เขาจึงไม่ต้องการให้ยาโคบจากไป แม้จะมีการเจรจาและการใช้กลยุทธ์ในการเลี้ยงสัตว์ของยาโคบ พระเจ้าก็ยังทรงอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในการงาน
เหตุการณ์นี้สอนเราให้เห็นถึงความสำคัญของความไว้วางใจในพระเจ้า การเปรียบเทียบกับผู้อื่นและความต้องการในใจอาจทำให้เราเสียความสงบ และจุดประกายความอิจฉา ในขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงฟังเสียงของเราเสมอ แม้ในเวลาที่เรารู้สึกว่าเราไม่เพียงพอ หรือเมื่อเราทำผิดพลาด
สุดท้าย เรื่องราวนี้เตือนใจเราให้เคารพในความเชื่อของแต่ละคน และเข้าใจว่าการมีความสัมพันธ์ที่ดี ความไว้วางใจในพระเจ้าและการยอมรับในตัวเองนั้นสำคัญกว่าการเปรียบเทียบกับคนอื่น การเดินทางของยาโคบและครอบครัวทำให้เราเห็นคุณค่าของการกลับสู่พระเจ้า รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่มีพื้นฐานจากความรักและการให้อภัย.
ข้อคิด: ปฐมกาล 30-31
เรื่องราวของเลอาห์ ราเชล และยาโคบในปฐมกาลแสดงให้เห็นถึงความพยายามของพวกเขาที่จะมีลูก แม้จะใช้กลอุบายและการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่พระเจ้าก็ทรงประทานบุตรให้แก่พวกเขา ซึ่งสะท้อนถึงความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงประทานพรแม้แก่ผู้ที่ทำผิด เช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในลูกา 6:35 ว่าพระเจ้าทรงกรุณาต่อคนชั่ว แม้พระองค์จะทรงเกลียดชังบาป แต่พระองค์ก็ทรงเต็มไปด้วยความรักและเมตตา ทรงรับคนบาปเข้ามาในครอบครัวของพระองค์ และทรงประทานความชื่นชมยินดี เรื่องราวนี้จึงเป็นตัวอย่างของความรักและการให้อภัยของพระเจ้า ที่ทรงประทานพรแก่ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความผิดบาปของพวกเขา พระองค์คือที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
· ความสัมพันธ์ระหว่างยาโคบและลาบันสะท้อนถึงความสัมพันธ์แบบใดในสถานที่ทำงานปัจจุบัน? (เช่น การเอาเปรียบ การไม่ซื่อสัตย์ การขาดความไว้วางใจ การแข่งขัน) คุณเคยพบเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรือไม่? คุณจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร?
· คุณคิดว่ายาโคบประสบความสำเร็จในการแสวงหาอิสรภาพและความมั่งคั่งหรือไม่? ความสำเร็จควรวัดจากอะไร? (เช่น ความมั่งคั่งทางวัตถุ ความสุข ความสัมพันธ์ ความสงบสุข)
กาเลเอด (Gilead)
- ความหมาย: คำว่า "กาเลเอด" ในบริบทนี้ หมายถึง "กองหินแห่งพยาน" หรือ "กองหินแห่งการสาบาน" เป็นการตั้งชื่อให้กับกองหินที่ยาโคบและลาบันร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันพันธสัญญาที่ทั้งสองได้ทำไว้
- ความสำคัญ: กองหินกาเลเอดเป็นมากกว่าแค่กองหินธรรมดา มันเป็นสัญลักษณ์ของ:
- พันธสัญญา: เป็นการยืนยันคำปฏิญาณและสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายให้ไว้
- การปกป้องคุ้มครอง: ทั้งยาโคบและลาบันต่างหวังว่าพระเจ้าจะทรงเป็นพยานและปกป้องคุ้มครองทั้งสองฝ่าย
- การระลึกถึง: กองหินนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทั้งสองฝ่ายระลึกถึงพันธสัญญาที่ได้ทำไว้
มิสปาห์ (Mizpah)
- ความหมาย: คำว่า "มิสปาห์" หมายถึง "หอคอยเฝ้าดู" หรือ "สถานที่ที่พระเจ้าทรงเฝ้าดู" เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกกองหินก้อนเดียวกัน
- ความสำคัญ: คำว่ามิสปาห์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของทั้งยาโคบและลาบันที่ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่เฝ้าดูและพิพากษาความยุติธรรมเหนือทุกสิ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างหวังว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้ตัดสินหากเกิดความขัดแย้งขึ้นในอนาคต
ทั้ง "กาเลเอด" และ "มิสปาห์" ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสำคัญของพันธสัญญาและความเชื่อในพระเจ้า ในช่วงเวลาที่ยาโคบและลาบันต้องแยกจากกัน กองหินก้อนนี้จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกอุ่นใจ และเชื่อมโยงกันผ่านความเชื่อในพระเจ้า